post

ดอร์ทมุนด์ สู้สุดใจ แม้พลาดตั๋วรอบรองฯ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

แม้จะสามารถคว้าชัยชนะในเลกสองอย่างน่าประทับใจ แต่ความเสียเปรียบจากเกมแรกทำให้ ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) ไม่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเข้ารอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้ โดยพวกเขาเอาชนะ บาร์เซโลนา (Barcelona) ไปได้ 4-1 แต่ยังคงตกรอบด้วยสกอร์รวม 5-4

เซอร์ฮู กีราสซี ซัดแฮตทริก จุดประกายความหวัง

กองหน้าทีมชาติกีนีอย่าง เซอร์ฮู กีราสซี (Serhou Guirassy) เป็นฮีโร่ของเกมนี้ ด้วยการยิงแฮตทริกสุดร้อนแรง เริ่มจากลูกยิงจุดโทษแบบปาเนนก้าในนาทีที่ 11 หลังจากที่ วอยเซียค เชสนี (Wojciech Szczesny) นายทวารของ บาร์เซโลนา (Barcelona) ทำฟาวล์ ปาสคาล กรอสส์ (Pascal Gross) ต่อมาในครึ่งหลังเขายิงอีกสองประตู หนึ่งลูกในนาทีที่ 49 และอีกลูกในนาทีที่ 76 ซึ่งปลุกกำลังใจให้กับเจ้าถิ่นจนแฟนบอลส่งเสียงเชียร์สนั่นสนาม

บาร์เซโลนา ผ่านเข้ารอบแบบหืดจับ

บาร์เซโลนา (Barcelona) ที่มีสกอร์รวมจากเลกแรกนำอยู่ถึง 4-0 เริ่มต้นเกมด้วยความมั่นใจ แม้จะถูกยิงขึ้นนำและโดนบุกอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ยังสามารถรักษาความได้เปรียบไว้ได้ หนึ่งในจังหวะสำคัญคือการที่ รามี เบนเซไบนี (Ramy Bensebaini) ของ ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) ทำเข้าประตูตัวเองในนาทีที่ 54 ซึ่งกลายเป็นประตูที่ทำให้ บาร์เซโลนา (Barcelona) ได้เปรียบอย่างยิ่งใหญ่ด้วยสกอร์รวม 5-2 ในขณะนั้น

แม้ว่าในช่วงท้ายเกม ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund) จะเร่งเกมบุกและเกือบยิงเพิ่มได้จาก ยูเลียน บรันด์ท (Julian Brandt) แต่ลูกยิงของเขาถูกปฏิเสธจากธงล้ำหน้า ทำให้ความหวังในการเข้าสู่รอบรองฯ ต้องจบลงอย่างน่าเสียดาย

บาร์เซโลนา รอพบ อินเตอร์ มิลาน หรือ บาเยิร์น มิวนิค 

จากผลการแข่งขันนี้ บาร์เซโลนา (Barcelona) ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019 และพวกเขาจะต้องรอพบผู้ชนะระหว่าง อินเตอร์ มิลาน (Inter Milan) ที่มีสกอร์นำอยู่ 2-1 จากเกมแรก กับ บาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich) ในเกมเลกสองที่สนามซาน ซิโร

การกลับมาอีกครั้งของ บาร์เซโลนา (Barcelona) บนเวทียุโรปในฤดูกาลนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความหวังใหม่ภายใต้การเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาของทีม

ความสะดวกสบายในการฝากถอนเงินกับ sbobet 888 ทำให้ผู้เล่นสามารถเดิมพันได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด ด้วยประสบการณ์ยาวนานในวงการเดิมพัน sbobet 888 จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้เล่นทั่วโลก

post

โรนัลโด้ยิงเบิ้ลพาอัล นาสร์คว้าชัยศึกดาร์บี้ริยาด

โรนัลโด้ยิงเบิ้ลพาอัล นาสร์คว้าชัยศึกดาร์บี้ริยาด

 

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo) ยิงสองประตูในครึ่งหลัง รวมถึงจุดโทษหนึ่งลูก ช่วยให้อัล นาสร์เซอร์ (Al Nassr) ชนะอัล ฮิลาล (Al Hilal) 3-1 ในศึกดาร์บี้เมืองริยาด เมื่อวันศุกร์ ในเกมลุ้นแชมป์ซาอุดี โปรลีก ทดลอง แทงบอล

 

แม้ชัยชนะครั้งนี้จะทำให้อัล นาสร์ยังคงอยู่ในอันดับ 3 มี 54 คะแนน แต่ก็ไล่จี้อัล ฮิลาล ทีมอันดับ 2 เหลือ 3 แต้ม และตามหลังจ่าฝูงอย่างอัล อิตติฮัดอยู่ 7 คะแนน ซึ่งอัล อิตติฮัดจะออกไปเยือนอัล อาห์ลีในวันเสาร์

 

อัล นาสร์ได้ประตูขึ้นนำก่อนในช่วงก่อนพักครึ่ง จากจังหวะที่อาลี อัล ฮัสซัน ปั่นบอลโค้งผ่านมือ ยาสซิน โบโน่ นายทวารอัล ฮิลาลเข้าไป

 

เริ่มครึ่งหลังมาได้เพียง 2 นาที โรนัลโด้ก็บวกสกอร์ให้ทีมเป็น 2-0 ด้วยการยิงสุดเฉียบหลังจากรับบอลจากซาดิโอ มาเน่

 

แชมป์เก่าอย่างอัล ฮิลาล พยายามตีไข่แตกด้วยเกมสวนกลับ และก็มาได้ประตูไล่มา 1-2 ในนาทีที่ 62 จากลูกโหม่งระยะเผาขนของอาลี อัล บูไลฮี จากจังหวะเตะมุม

 

อย่างไรก็ตาม โรนัลโด้มายิงจุดโทษปิดกล่องในนาทีที่ 88 หลังจาก VAR ตรวจสอบว่า มูเต็บ อัล ฮาร์บี ตัวสำรองของอัล ฮิลาล ทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ

 

ประตูนี้นับเป็นประตูที่ 70 ของโรนัลโด้ในซาอุดี โปรลีก และยังคงเดินหน้าสู่เป้าหมายการทำ 1,000 ประตูในอาชีพ ทดลอง แทงบอล

 

“ชัยชนะนี้มาจากความพยายามของทั้งทีม การที่ผมทำประตูได้ก็สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการคว้าชัยชนะ” โรนัลโด้ให้สัมภาษณ์กับ SSC

 

“ผมทำงานหนักเพื่อช่วยทีมทั้งในลีกและแชมเปี้ยนส์ลีก และไม่ได้โฟกัสที่สถิติส่วนตัวเลย” เขากล่าวเสริม

 

post

PGMOL ยอมรับว่า เจมส์ ทาร์คอฟสกี ควรได้รับใบแดง

องค์กรผู้ตัดสินของพรีเมียร์ลีก (PGMOL) ได้ออกมายืนยันว่า เจมส์ ทาร์คอฟสกี (James Tarkowski) กองหลังของ เอฟเวอร์ตัน (Everton) ควรได้รับใบแดงจากการเข้าสกัด อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (Alexis Mac Allister) ในเกมที่พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ที่สนามแอนฟิลด์

จังหวะปัญหาในการแข่งขัน

ในนาทีที่ 11 ของการแข่งขัน ทาร์คอฟสกี (Tarkowski) เข้าสกัดบอลแต่พลาดไปโดน แม็ค อัลลิสเตอร์ (Mac Allister) ด้วยสตั๊ดบริเวณใต้เข่า ผู้ตัดสิน แซม บาร์รอตต์ (Sam Barrott) ให้ใบเหลืองแก่กองหลังเอฟเวอร์ตัน และ VAR ที่มี พอล เทียร์นีย์ (Paul Tierney) เป็นผู้ดูแล ตัดสินใจไม่เปลี่ยนคำตัดสิน

อย่างไรก็ตาม หลังจากทบทวนเหตุการณ์ PGMOL ยืนยันว่าการเข้าปะทะของทาร์คอฟสกีเข้าข่ายการทำฟาวล์รุนแรง และควรได้รับใบแดง โดยมองว่า VAR ควรเรียกให้ผู้ตัดสินในสนามตรวจสอบเหตุการณ์ผ่านจอมอนิเตอร์อีกครั้ง

ปฏิกิริยาจาก ลิเวอร์พูล และ เอฟเวอร์ตัน 

หลังจบการแข่งขัน ลิเวอร์พูล (Liverpool) ได้รับการติดต่อจาก PGMOL เพื่อแจ้งถึงข้อผิดพลาดในการตัดสิน ขณะที่ อาร์เน่ สล็อต (Arne Slot) กุนซือลิเวอร์พูลกล่าวว่า

“ถือเป็นเรื่องดีที่พวกเขายอมรับความผิดพลาด ผมคิดว่าฤดูกาลนี้ผู้ตัดสินในอังกฤษทำผลงานได้ค่อนข้างดี แม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง แต่สิ่งสำคัญคือไม่ควรมีผลต่ออันดับในลีก”

ในฝั่งของ เอฟเวอร์ตัน (Everton) ผู้จัดการทีม เดวิด มอยส์ (David Moyes) ยอมรับว่า ทาร์คอฟสกี (Tarkowski) โชคดีที่ไม่ถูกไล่ออกจากสนาม และนักเตะเองก็ได้กล่าวขอโทษ แม็ค อัลลิสเตอร์ (Mac Allister) หลังจบเกม

VAR และความโปร่งใสของ PGMOL

PGMOL ยืนยันว่าต้องการให้การตัดสินมีความโปร่งใสมากขึ้น จึงออกมายอมรับข้อผิดพลาดโดยทันที แทนที่จะรอให้ ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ (Howard Webb) หัวหน้าผู้ตัดสินออกมาอธิบายในภายหลัง

นอกจากเหตุการณ์ของ ทาร์คอฟสกี (Tarkowski) แล้ว ยังมีอีกจังหวะที่เป็นที่ถกเถียง นั่นคือ ประตูชัยของ ดิโอโก้ โชต้า (Diogo Jota) ซึ่งทาง เอฟเวอร์ตัน (Everton) มองว่ามีจังหวะล้ำหน้าเกิดขึ้นก่อน อย่างไรก็ตาม PGMOL ยืนยันว่าการให้เป็นประตูนั้นถูกต้อง เพราะ หลุยส์ ดิอาซ (Luis Diaz) ซึ่งอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าไม่ได้มีอิทธิพลต่อการเล่น

การตัดสินของ VAR ในฤดูกาลนี้

ในอัปเดตเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พรีเมียร์ลีกเปิดเผยว่ามีข้อผิดพลาดของ VAR 13 ครั้ง ในฤดูกาลนี้ ซึ่งลดลงจาก 20 ครั้ง ในช่วงเดียวกันของฤดูกาลที่แล้ว แบ่งเป็น 4 ครั้งที่ VAR ตัดสินผิดพลาด และ 9 ครั้งที่ VAR ไม่เข้าแทรกแซง

พรีเมียร์ลีกยังอ้างว่า อัตราความแม่นยำของการตัดสินจังหวะสำคัญอยู่ที่ 96.4% ซึ่งสูงขึ้นจาก 95.7% ในช่วงเดียวกันของฤดูกาลก่อน

การยอมรับความผิดพลาดจาก PGMOL อาจช่วยลดแรงกดดันต่อผู้ตัดสิน แต่สิ่งสำคัญคือการพัฒนาระบบ VAR ให้มีความแม่นยำและสอดคล้องกับมาตรฐานของพรีเมียร์ลีก

หากคุณกำลังมองหา เว็บแทงบอล ที่มีอัตราต่อรองดีที่สุด ควรเลือกเว็บที่ได้รับการรับรองจากสถาบันกีฬาชั้นนำ หลายคนเลือกใช้ เว็บแทงบอล ที่รองรับการฝาก-ถอนผ่านระบบอัตโนมัติ เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว

 

post

เรอัล มาดริด มั่นใจคว้าตัว แต่ยังไม่มีข้อตกลง

เรอัล มาดริด มั่นใจคว้าตัว แต่ยังไม่มีข้อตกลง

 

เรอัล มาดริด (Real Madrid) มีความมั่นใจอย่างมากว่าจะสามารถเซ็นสัญญาคว้าตัว เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (Trent Alexander-Arnold) แบบไร้ค่าตัวในช่วงซัมเมอร์นี้ แหล่งข่าวบอกกับ ESPN อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงกับแบ็กขวาทีมชาติอังกฤษยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการ

 

ทั้งสองฝ่ายได้เจรจากันมานานหลายเดือน และ มาดริด มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาในการปิดดีล โดยเหลือเพียงรายละเอียดสุดท้ายและการเซ็นสัญญาเท่านั้น แหล่งข่าวระบุ

 

เรอัล มาดริด ต้องการคว้าตัว อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ตั้งแต่ตลาดซื้อขายเดือนมกราคม เนื่องจากปัญหาในตำแหน่งแบ็กขวา แต่ ลิเวอร์พูล จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ปฏิเสธที่จะปล่อยตัวกลางฤดูกาล แม้ว่าจะรู้ว่าแข้งวัย 26 ปี สามารถย้ายทีมได้ฟรีในช่วงซัมเมอร์ bravosunday

 

ก่อนหน้านี้ ESPN รายงานว่า มาดริด จะเดินหน้าปิดดีลให้ได้ในซัมเมอร์นี้ และแหล่งข่าวระบุว่าการเจรจากับทีมงานของนักเตะดำเนินมาตั้งแต่เดือนมกราคม ซึ่งทำให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นว่าข้อตกลงใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว

 

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นเป้าหมายระยะยาวของ เรอัล มาดริด โดยพวกเขาชื่นชมพรสวรรค์ ศักยภาพ และความสามารถของนักเตะที่สามารถเล่นในตำแหน่งที่สูงขึ้นในสนามได้

 

ความต้องการแบ็กขวาของ มาดริด ทวีความสำคัญมากขึ้นหลังจาก ดานี่ การ์บาฆาล วัย 33 ปี ได้รับบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า (ACL) ตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยแผนของสโมสรคือให้ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ การ์บาฆาล แข่งขันแย่งตำแหน่งกันในฤดูกาลหน้า bravosunday

 

เรอัล มาดริด ใช้นโยบายคว้านักเตะระดับโลกแบบไร้ค่าตัวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่น ดาวิด อลาบา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และล่าสุด คีเลียน เอ็มบัปเป้ ที่กำลังจะย้ายมาร่วมทีม

 

ในช่วงที่ การ์บาฆาล ไม่อยู่ ลูกัส บาซเกซ เป็นตัวเลือกหลักในตำแหน่งแบ็กขวา ขณะที่ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ มิดฟิลด์ทีมชาติอุรุกวัย ก็เคยรับบทบาทนี้และทำผลงานได้ดี

 

ปัจจุบัน เรอัล มาดริด รั้งอันดับสองในลาลีกา ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศศึก โกปา เดล เรย์ และเตรียมพบกับ อาร์เซน่อล ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เดือนหน้า

 

post

ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี ดาวรุ่งอังกฤษที่กำลังมาแรง

ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี (Myles Lewis-Skelly) เป็นชื่อที่เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงการฟุตบอลอังกฤษ หลังจากที่เขาสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการลงเล่นให้กับ ทีมชาติอังกฤษ (England) นัดแรก และสามารถทำประตูได้ในเกมที่เอาชนะ แอลเบเนีย (Albania) 2-0 ในศึก ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก

ดาวรุ่งจาก อาร์เซนอล (Arsenal) รายนี้กำลังได้รับความสนใจจากแฟนบอลและผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอล เพราะเขาสามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น แม้จะอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น

สร้างสถิติใหม่กับทีมชาติอังกฤษ

ลูอิส-สเคลลี (Lewis-Skelly) กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ทำประตูได้ตั้งแต่นัดแรกที่ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ โดยเขาสามารถจบสกอร์ได้อย่างเฉียบขาดจากการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมของ จู๊ด เบลลิงแฮม (Jude Bellingham) ในนาทีที่ 20 ของเกม

“ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในฝัน มันเป็นช่วงเวลาที่น่าเหลือเชื่อที่ได้ลงเล่นให้ทีมชาติและทำประตูได้”
– ลูอิส-สเคลลี ให้สัมภาษณ์หลังเกม

เพื่อนร่วมทีมอย่าง เดแคลน ไรซ์ (Declan Rice) ซึ่งเล่นให้กับ อาร์เซนอล (Arsenal) ได้กล่าวชื่นชมลูอิส-สเคลลีว่า

“เขาเป็นนักเตะที่ไม่กลัวอะไรเลย เล่นด้วยความมั่นใจ และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเขาเท่านั้น”

โธมัส ทูเคิ่ล ยกย่องฟอร์มการเล่น

กุนซือทีมชาติอังกฤษคนใหม่ โธมัส ทูเคิ่ล (Thomas Tuchel) ให้สัมภาษณ์ถึงความประทับใจที่มีต่อลูอิส-สเคลลี โดยกล่าวว่า

“เขาเป็นนักเตะที่น่าทึ่ง มีทัศนคติที่ยอดเยี่ยมทั้งในและนอกสนาม เขาปรับตัวเข้ากับทีมได้อย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยความมั่นใจ”

ทูเคิ่ล (Tuchel) ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า การมีนักเตะดาวรุ่งที่สามารถเล่นในระดับสูงตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับอนาคตของทีมชาติอังกฤษ

อนาคตที่สดใสของ ลูอิส-สเคลลี 

แม้ว่า ไมล์ส ลูอิส-สเคลลี (Myles Lewis-Skelly) จะเพิ่งก้าวขึ้นมาเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ แต่จากฟอร์มที่แสดงออกมา ทำให้แฟนบอลและผู้เชี่ยวชาญเริ่มมองว่าเขาอาจเป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของทีมในอนาคต

นอกจากนี้ เขายังเป็นกำลังหลักของ อาร์เซนอล (Arsenal) ในทีมรุ่นเยาวชน และคาดว่าจะได้รับโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ของสโมสรมากขึ้นในฤดูกาลหน้า

หากลูอิส-สเคลลียังคงพัฒนาฝีเท้าอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสสูงที่เขาจะกลายเป็นกำลังสำคัญของ ทีมชาติอังกฤษ (England) ในรายการแข่งขันระดับโลกในอนาคต

หากคุณกำลังมองหา ข่าวกีฬา ล่าสุดเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีกและฟุตบอลยุโรป ติดตามการอัปเดตได้ที่นี่ทุกวัน เว็บไซต์ของเรานำเสนอ ข่าวกีฬา สดใหม่จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ครอบคลุมทุกลีกดังทั่วโลก

post

แรชฟอร์ด คัมแบ็คสิงโตคำราม หลัง ทูเคิ่ล ประกาศรายชื่อทีมชาติอังกฤษชุดแรก

กองหน้า แอสตัน วิลลา (Aston Villa) มาร์คัส แรชฟอร์ด (Marcus Rashford) ได้รับการเรียกตัวเข้าทีมชาติอังกฤษชุดแรกภายใต้การคุมทีมของ โทมัส ทูเคิ่ล (Thomas Tuchel)แรชฟอร์ดลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษครั้งล่าสุดในเกมกระชับมิตรกับ บราซิล (Brazil) เมื่อเดือนมีนาคม 2024 แต่ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจหลังจากย้ายมาร่วมทีม วิลลา ด้วยสัญญายืมตัวจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) เมื่อเดือนมกราคม แดน เบิร์น (Dan Burn) กองหลังของ นิวคาสเซิล (Newcastle) และ ไมลส์ ลูอิส-สเกลลี่ (Myles Lewis-Skelly) จาก อาร์เซนอล (Arsenal) มีโอกาสลงเล่นเป็นครั้งแรกหลังได้รับการเรียกตัวครั้งแรก อังกฤษเริ่มแคมเปญคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 ด้วยการเล่นสองนัดติดต่อกันที่สนาม เวมบลีย์ (Wembley) พบกับ แอลเบเนีย (Albania) และ ลัตเวีย (Latvia) ในวันศุกร์ที่ 21 และวันจันทร์ที่ 24 มีนาคม ตามลำดับ (ทั้งสองนัดเริ่มเวลา 19:45 น. ตามเวลา GMT)

นอกจากนี้ ทูเคิ่ล ยังเรียกตัวนักเตะอาวุโสกลับมาโดยมี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (Jordan Henderson) กองกลางของ อาแจ็กซ์ (Ajax) อยู่ในทีม 26 คน เฮนเดอร์สัน วัย 34 ปี ลงเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมที่ไม่ใช่ชาวอังกฤษคนล่าสุด – ฟาบิโอ คาเปลโล (Fabio Capello) – ในปี 2010 และลงเล่นครั้งล่าสุดกับ มอลตา (Malta) ในเดือนพฤศจิกายน 2023 เจมส์ ทราฟฟอร์ด (James Trafford) ผู้รักษาประตูของ เบิร์นลีย์ (Burnley) และ จาเร็ล ควอนซาห์ (Jarell Quansah) กองหลังของ ลิเวอร์พูล (Liverpool) หวังที่จะลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก โดมินิค โซลันเก้ (Dominic Solanke) กองหน้าของ ท็อตแน่ม (Tottenham) กลับมาหลังจากพักรักษาอาการบาดเจ็บสองเดือนเมื่อวันอาทิตย์ โดยลงเล่นเต็มเกมในเกมที่เสมอกับ บอร์นมัธ (Bournemouth) 2-2

ทำดีได้ดี แรชฟอร์ด ฟื้นฟูฟอร์มการเล่นจนได้รับการเรียกตัวกลับ ทีมชาติอังกฤษอีกครั้ง

แรชฟอร์ดยังไม่ได้ทำประตูให้กับ วิลลา แต่มีส่วนร่วมด้วยการทำแอสซิสต์ 4 ครั้ง ขณะที่เขาพยายามพลิกฟื้นอาชีพของตัวเอง นักเตะวัย 27 ปีรายนี้ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษไปแล้ว 60 นัด ทำได้ 8 ประตู sbobet 24hr แต่ตกอยู่ในสถานการณ์ไม่เป็นที่โปรดปรานของผู้จัดการทีม แกเร็ธ เซาธ์เกต (Gareth Southgate) หลังจากฟอร์มการเล่นที่ตกลงอย่างมากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด “มาร์คัสกำลังอยู่ในช่วงที่ดี เราคิดว่าตอนนี้เราเชื่อมั่นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะผลักดันเขาด้วยการเรียกตัว” ทูเคิ่ล กล่าวกับช่องสื่อของทีมชาติอังกฤษ

“เขามีอิทธิพลอย่างมากในช่วงหลังให้กับ แอสตัน วิลลา ผมรู้สึกยินดีที่ได้เห็นความพยายามของเขาเมื่อไม่ได้ครองบอล ความพยายามที่จะเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พลังงานที่คงเส้นคงวาในการป้องกันกับ แอสตัน วิลลา” “ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับพรสวรรค์และคุณภาพของเขา แต่การเห็นเขามีส่วนร่วมอย่างมากและมีความสำคัญทางกายภาพ ทำให้ผมมีความรู้สึกว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะเรียกตัวเขาและให้แรงผลักดันพิเศษเพื่อให้เขารักษาระดับนั้นไว้”

แรชฟอร์ดนั่งสำรอง 12 เกมติดต่อกันสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะตกลงไปใช้เวลาช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลที่ วิลลา โดยผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รูเบน อโมริม (Ruben Amorim) แนะนำว่าเขาจะเลือกใช้ ฮอร์เก วิทัล (Jorge Vital) ผู้รักษาประตูวัย 63 ปีแทน เขาถูกตัดชื่อออกจากทีมยูโร 2024 ซึ่งอังกฤษพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศต่อ สเปน (Spain) ขณะที่เขายังพลาดการแข่งขัน เนชั่นส์ ลีก (Nations League) ฤดูกาล 2024-25 อีกด้วย ในปี 2020 ทูเคิ่ล ซึ่งคุมทีม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (Paris St-Germain) เรียกแรชฟอร์ดว่าเป็น “ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่” และพูดติดตลกว่าเขา “น่ารำคาญเล็กน้อย” ก่อนการแข่งขันกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในแชมเปียนส์ ลีก (Champions League) เพื่อนร่วมทีม วิลลา อย่าง วัตกินส์ (Watkins) แสดงสถิติที่แข็งแกร่งในระดับสโมสรฤดูกาลนี้ด้วยการทำประตู 14 ประตูและแอสซิสต์ 12 ครั้ง เพื่อช่วยให้ วิลลา เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศของ แชมเปียนส์ ลีก และ เอฟเอ คัพ (FA Cup) แต่เขาได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าเล็กน้อยระหว่างการชนะ คลับ บรูช (Club Brugge) 3-0 ในแชมเปียนส์ ลีก เมื่อวันพุธ โซลันเก้ ซึ่งทำประตูได้ 7 ประตูจากการลงเล่น 19 นัดใน พรีเมียร์ ลีก (Premier League) ให้กับ ท็อตแน่ม ได้รับการเลือกให้เป็นกองหน้าสนับสนุน แฮร์รี่ เคน (Harry Kane) ดาวยิงชั้นนำของอังกฤษ

ยุคใหม่ของทีมชาติ อังกฤษภายใต้การนำของ ทูเคิ่ล กับการเรียตัวทีมชาติชุดแรกของเขา

การประกาศรายชื่อนักเตะทีมชาติอังกฤษชุดแรกของ โทมัส ทูเคิ่ล แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ใหม่ของเขาสำหรับทีมชาติที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทูเคิ่ล ซึ่งมีชื่อเสียงจากความสำเร็จกับสโมสรต่างๆ เช่น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund), ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ เชลซี (Chelsea) นำประสบการณ์ระดับนานาชาติมาสู่ตำแหน่งนี้ sbobet 24hr ความท้าทายสำคัญสำหรับ ทูเคิ่ล คือการสร้างความสมดุลระหว่างนักเตะที่มีประสบการณ์เช่น เฮนเดอร์สัน และ เคน กับดาวรุ่งอย่าง ลูอิส-สเกลลี่ และ ควอนซาห์ การผสมผสานนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 ที่จะจัดขึ้นใน สหรัฐอเมริกา (United States), แคนาดา (Canada) และ เม็กซิโก (Mexico) การกลับมาของ แรชฟอร์ด เป็นการเดิมพันที่น่าสนใจ แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถทำประตูให้กับ วิลลา แต่การมีส่วนร่วมของเขาในเกมและความสามารถในการสร้างโอกาสทำประตูแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ ทูเคิ่ล ต้องการนำมาใช้ประโยชน์ แรชฟอร์ดอาจเห็นว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะฟื้นฟูอาชีพระดับนานาชาติของเขา หลังจากช่วงเวลาที่ยากลำบากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้เล่นที่น่าจับตามองอีกคนคือ โซลันเก้ ซึ่งกำลังมีฤดูกาลที่ดีกับ ท็อตแน่ม ความสามารถของเขาในการทำประตูและการเล่นร่วมกับเพื่อนร่วมทีมทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเล่นคู่กับ เคน ในแนวรุก ทีมชาติอังกฤษมีประวัติศาสตร์ของการเข้าใกล้ความสำเร็จแต่ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศของ ยูโร 2024 ต่อ สเปน เป็นตัวอย่างล่าสุดของความผิดหวัง แฟนๆ หวังว่าภายใต้การนำของผู้จัดการทีมชาวเยอรมันที่มีประสบการณ์ อังกฤษจะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคสุดท้ายและคว้าถ้วยรางวัลใหญ่ได้ในที่สุด

การเริ่มต้นแคมเปญคัดเลือกฟุตบอลโลกกับ แอลเบเนีย และ ลัตเวีย ที่สนาม เวมบลีย์ จะเป็นโอกาสสำคัญสำหรับ ทูเคิ่ล ในการวางรากฐานสำหรับวิสัยทัศน์ของเขาและทดสอบความลงตัวของทีม แม้ว่าคู่แข่งอาจไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับทีมชั้นนำของโลก แต่เกมเหล่านี้จะให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับวิธีการที่ ทูเคิ่ล ต้องการให้ทีมของเขาเล่น และนักเตะคนใดที่จะมีบทบาทสำคัญในแผนการของเขา แฟนฟุตบอลอังกฤษจะติดตามการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยความคาดหวังและความหวัง เชื่อว่าการผสมผสานระหว่างประสบการณ์ของผู้จัดการทีมชาวต่างชาติกับพรสวรรค์ของนักเตะอังกฤษจะนำไปสู่ความสำเร็จที่รอคอยมานาน ในขณะที่ ทูเคิ่ล  เริ่มต้นบทใหม่ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นบ้านเกิดของกีฬาฟุตบอล

post

ลูกากู โชว์ฟอร์มสุดแจ่ม ในชัยชนะของนาโปลีเหนือฟิออเรนตินา ขณะที่อินเตอร์นำจ่าฝูงเซเรีย อา

โรเมลู ลูกากู (Romelu Lukaku) แสดงฝีเท้าอย่างโดดเด่นในเกมที่ นาโปลี (Napoli) เอาชนะ ฟิออเรนตินา (Fiorentina) ซึ่งทำให้ทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ (Antonio Conte) ยังคงตามหลังจ่าฝูง อินเตอร์ มิลาน (Inter Milan) เพียงหนึ่งแต้มในศึก เซเรีย อา (Serie A) กองหน้าทีมชาติเบลเยียม (Belgium) เปิดสกอร์ในนาทีที่ 26 ด้วยการยิงตามซ้ำจากลูกยิงของ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ (Scott McTominay) นาโปลี (Napoli) ยุติสถิติไม่ชนะ 5 นัดติดต่อกันเมื่อ ลูกากู (Lukaku) จ่ายบอลสุดสวยให้กับ จาโคโม ราสปาโดรี (Giacomo Raspadori) ยิงเข้ามุมล่างในนาทีที่ 60 ส่วน อัลเบิร์ต กุดมุนด์สสัน (Albert Gudmundsson) ทำประตูปลอบใจให้กับ ฟิออเรนตินา (Fiorentina) ที่อยู่อันดับ 8 ซึ่งปราชัยในเกมเยือน 3 นัดติดต่อกัน อินเตอร์ มิลาน (Inter Milan) พลิกสถานการณ์จากการตามหลัง 2 ประตู คว้าชัยชนะอย่างระทึกใจด้วยสกอร์ 3-2 เหนือ มอนซ่า (Monza) ที่สนาม ซาน ซีโร่ (San Siro) เมื่อวันเสาร์ มอนซ่า (Monza) ทีมอันดับสุดท้ายของตาราง ทำสองประตูในช่วง 12 นาทีแรกของครึ่งแรกโดย ซามูเอเล บิรินเดลลี (Samuele Birindelli) และ เคย์ตา บัลเด้ ดิเอา (Keita Balde Diao) เพื่อนำห่าง อย่างไรก็ตาม มาร์โก อาร์เนาโตวิช (Marko Arnautovic) โหม่งเข้าประตูก่อนหมดครึ่งแรกเล็กน้อยและ ฮาคาน ชาลฮาโนกลู (Hakan Calhanoglu) ตีเสมอในนาทีที่ 64 ก่อนที่ จอร์จอส คีเรียโคพูลอส (Giorgos Kyriakopoulos) จะทำเข้าประตูตัวเองส่งผลให้ อินเตอร์ (Inter) คว้าชัยชนะที่ทำให้พวกเขายังคงครองตำแหน่งจ่าฝูง คู่แข่งอย่าง เอซี มิลาน (AC Milan) ก็พลิกกลับมาเอาชนะ เลชเช่ (Lecce) 3-2 หลังจากตามหลัง 2 ประตู นิโคล่า คริสโตวิช (Nikola Krstovic) ยิงสองประตู แต่ อันโตนิโน กัลโล่ (Antonino Gallo) ทำเข้าประตูตัวเองทำให้ มิลาน (Milan) มีความหวัง จากนั้น คริสเตียน พูลิซิช (Christian Pulisic) อดีตกองหน้าของ เชลซี (Chelsea) ยิงสองประตูเพื่อให้ มิลาน (Milan) พลิกกลับมาชนะอย่างยอดเยี่ยม sbobet-onlines อตาลันต้า (Atalanta) ถล่ม ยูเวนตุส (Juventus) 4-0 เมื่อคืนวันอาทิตย์เพื่อรักษาอันดับ 3 และทิ้งห่างทีมของ ธิอาโก้ มอตต้า (Thiago Motta) ที่อยู่อันดับ 4 ไปถึง 6 แต้ม มาเตโอ เรเตกุย (Mateo Retegui) เปิดสกอร์ในตูริน (Turin) จากจุดโทษในนาทีที่ 26 ก่อนที่ มาร์เตน เดอ รูน (Marten de Roon), ดาวิเด้ ซาปปาคอสต้า (Davide Zappacosta) และ อเดโมล่า ลุคแมน (Ademola Lookman) จะเพิ่มประตูในครึ่งหลังขณะที่ ยูเว่ (Juve) แพ้ในเกมลีกเหย้าด้วยสกอร์ห่าง 4 ประตูเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1967

 

ศึก กัลโช่ เซเรีย อา ยังคงดุเดือด การแข่งขันที่เข้มข้นระหว่างยักษ์ใหญ่อิตาลี

 

เซเรีย อา (Serie A) ฤดูกาลนี้กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างทีมยักษ์ใหญ่ของ อิตาลี (Italy) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไล่ล่ากันระหว่าง อินเตอร์ มิลาน (Inter Milan) และ นาโปลี (Napoli) ที่กำลังสู้กันอย่างสูสีเพื่อตำแหน่งแชมป์ลีก นาโปลี (Napoli) ภายใต้การนำทัพของกุนซือมากประสบการณ์อย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ (Antonio Conte) ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมล่าสุดที่เอาชนะ ฟิออเรนตินา (Fiorentina) ด้วยฝีเท้าอันยอดเยี่ยมของ โรเมลู ลูกากู (Romelu Lukaku) ที่ไม่เพียงแค่ทำประตูได้เท่านั้น sbobet-onlines แต่ยังช่วยสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมอย่าง จาโคโม ราสปาโดรี (Giacomo Raspadori) ทำประตูสำคัญเพื่อคว้าชัยชนะ ลูกากู (Lukaku) กลายเป็นกำลังสำคัญของ นาโปลี (Napoli) หลังจากการย้ายมาร่วมทีม เขาได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางร่างกาย วิสัยทัศน์ในการเล่น และความสามารถในการทำประตูที่ยอดเยี่ยม การทำงานร่วมกันระหว่าง ลูกากู (Lukaku) และ แม็คโทมิเนย์ (McTominay) อดีตกองกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ได้สร้างพลังใหม่ให้กับแนวรุกของ นาโปลี (Napoli) ในขณะเดียวกัน อินเตอร์ มิลาน (Inter Milan) จ่าฝูงของตาราง ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางจิตใจและความมุ่งมั่นในการพลิกสถานการณ์จากการตามหลัง มอนซ่า (Monza) 0-2 กลับมาชนะ 3-2 ในเกมที่ ซาน ซีโร่ (San Siro) เกมนี้แสดงให้เห็นถึงความลึกของขุมกำลังและคุณภาพของทีมที่สามารถเอาชนะสถานการณ์ยากลำบากได้ การที่ มาร์โก อาร์เนาโตวิช (Marko Arnautovic) ทำประตูสำคัญก่อนหมดครึ่งแรก เป็นการจุดประกายความหวังให้กับทีม และด้วยการทำประตูตีเสมอของ ฮาคาน ชาลฮาโนกลู (Hakan Calhanoglu) มิดฟิลด์ทีมชาติตุรกี (Turkey) ทำให้ อินเตอร์ (Inter) กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ก่อนที่พวกเขาจะได้รับโชคดีจากประตูทำเข้าประตูตัวเองของ คีเรียโคพูลอส (Kyriakopoulos) ซึ่งนำมาสู่ชัยชนะสำคัญที่ทำให้พวกเขายังคงนำจ่าฝูงต่อไป เอซี มิลาน (AC Milan) อีกหนึ่งทีมใหญ่จาก เมืองมิลาน (Milan) ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความไม่ยอมแพ้เช่นกัน ในเกมที่พวกเขาพลิกกลับมาเอาชนะ เลชเช่ (Lecce) 3-2 หลังจากตามหลัง 2 ประตูจากการทำประตูของ นิโคล่า คริสโตวิช (Nikola Krstovic) แต่ด้วยความผิดพลาดของ อันโตนิโน กัลโล่ (Antonino Gallo) ที่ทำเข้าประตูตัวเอง และฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของ คริสเตียน พูลิซิช (Christian Pulisic) ที่ซัดสองประตู ทำให้ มิลาน (Milan) พลิกกลับมาคว้าชัยชนะได้สำเร็จ พูลิซิช (Pulisic) อดีตแนวรุกของ เชลซี (Chelsea) ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงคุณค่าของเขาอีกครั้งในเกมนี้ ความเร็ว ทักษะ และความสามารถในการจบสกอร์ของเขาเป็นสิ่งที่ มิลาน (Milan) ต้องการในการลุ้นตำแหน่งท็อปโฟร์ของตาราง

 

ในขณะเดียวกัน อตาลันต้า (Atalanta) ได้สร้างความประหลาดใจให้กับวงการฟุตบอลอิตาลีด้วยการถล่ม ยูเวนตุส (Juventus) 4-0 ในถิ่นของทีมไอ้ม้าลาย 

 

นี่ถือเป็นการพ่ายแพ้ในบ้านด้วยสกอร์ห่างถึง 4 ประตูครั้งแรกของ ยูเว่ (Juve) ในรอบกว่า 57 ปี

มาเตโอ เรเตกุย (Mateo Retegui) ดาวยิงชาวอิตาเลียน-อาร์เจนตินา (Italian-Argentinian) เปิดฉากการถล่มด้วยการยิงจุดโทษ ตามด้วยประตูจาก มาร์เตน เดอ รูน (Marten de Roon), ดาวิเด้ ซาปปาคอสต้า (Davide Zappacosta) และ อเดโมล่า ลุคแมน (Ademola Lookman) ที่เพิ่มความปวดหัวให้กับทีมของ ธิอาโก้ มอตต้า (Thiago Motta) ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ อตาลันต้า (Atalanta) แต่ยังตอกย้ำถึงความไม่แน่นอนในฟอร์มการเล่นของ ยูเวนตุส (Juventus) ภายใต้การคุมทีมของ มอตต้า (Motta) อีกด้วย การที่ ยูเว่ (Juve) ตามหลัง อตาลันต้า (Atalanta) ถึง 6 แต้มในตอนนี้ ทำให้พวกเขามีความเสี่ยงที่จะหลุดจากการแข่งขันเพื่อตำแหน่งท็อปทรีของตาราง สถานการณ์ของตารางคะแนน เซเรีย อา (Serie A) ในขณะนี้ยังคงเข้มข้น อินเตอร์ มิลาน (Inter Milan) ยังคงนำจ่าฝูงด้วยผลงานที่แข็งแกร่ง แต่ นาโปลี (Napoli) ก็ยังคงไล่ตามห่างเพียงแค่ 1 แต้มเท่านั้น อตาลันต้า (Atalanta) รั้งอันดับ 3 ห่างจาก ยูเวนตุส (Juventus) อันดับ 4 ถึง 6 แต้ม ส่วน เอซี มิลาน (AC Milan) ก็ยังคงมีลุ้นในการแข่งขันเพื่อพื้นที่ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก (UEFA Champions League) ในขณะที่ฤดูกาลดำเนินไป ทุกเกมจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นสำหรับทีมที่กำลังต่อสู้เพื่อตำแหน่งแชมป์และพื้นที่ในการแข่งขันระดับยุโรป แฟนบอลชาวอิตาลี (Italy) และทั่วโลกจับตามองการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นนี้อย่างใกล้ชิด รอดูว่าทีมใดจะมีความแข็งแกร่งและความสม่ำเสมอมากพอที่จะคว้าตำแหน่งแชมป์ เซเรีย อา (Serie A) ในฤดูกาลนี้ไปครอง

post

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกรอบเอฟเอ คัพ หลังแพ้ ฟูแล่ม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกรอบเอฟเอ คัพ หลังแพ้ ฟูแล่ม ในการดวลจุดโทษ เป้าหมายต่อไปคือยูโรปา ลีก

 

“ปีศาจแดง” สามารถตีเสมอในช่วงครึ่งหลัง แต่ไม่สามารถคว้าชัยจากการยิงจุดโทษได้

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องคว้าแชมป์ยูโรปา ลีก (Europa League) หลังจากตกรอบเอฟเอ คัพ (FA Cup) ด้วยการพ่าย ฟูแล่ม (Fulham) ในการดวลจุดโทษ โจชัว เซิร์กซี และ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ เป็นสองคนที่ยิงพลาด โดยถูก แบรนด์ เลโน เซฟเอาไว้ ส่งผลให้ ฟูแล่ม เขี่ย ยูไนเต็ด ตกรอบเอฟเอ คัพ เป็นครั้งแรกในรอบ 117 ปี ทีมของ มาร์โก ซิลวา ที่มักจะไม่ค่อยมีโชคในการเจอกับ ยูไนเต็ด ครั้งนี้สามารถคว้าชัยได้ โดยพวกเขายิงจุดโทษได้อย่างแม่นยำทุกคน 560bet

 

ตรงกันข้ามกับทีมของ รูเบน อาโมริม ที่ตอนนี้ต้องทุ่มสุดตัวกับยูโรปา ลีก หากหวังจะได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลหน้า หากพวกเขาพลาดแชมป์ นี่จะเป็นฤดูกาลที่สองในรอบสิบปีที่ ยูไนเต็ด จะไม่มีเกมยุโรปให้ลงเล่นในช่วงกลางสัปดาห์ โดยเกมถัดไปพวกเขาจะต้องบุกไปเยือน เรอัล โซเซียดาด ในคืนวันพฤหัสบดี

 

ยูไนเต็ด เริ่มเกมได้อย่างยากลำบาก ฟูแล่ม สามารถกดดันพวกเขาได้ดี และแม้ว่ายูไนเต็ดจะไม่ได้เสียโอกาสมากนักในครึ่งแรก แต่ก็โดนลงโทษจากจุดอ่อนเดิมๆ เมื่อ โรดริโก้ มูนิซ โหม่งเช็ดลูกเตะมุมไปให้ คาลวิน บาสซีย์ ที่ยืนโล่งๆ ได้โหม่งจ่อๆ เข้าไปเป็นประตู

 

ยูไนเต็ด ใช้เวลาพอสมควรในการเรียกจังหวะเกมรุกกลับมา แต่เมื่อ อเลฆานโดร การ์นาโช่ ถูกส่งลงมา เขาก็สร้างอิมแพ็คได้ทันที ดึงกองหลังฟูแล่มสองคนออกจากตำแหน่ง เปิดทางให้ ดิโอโก้ ดาโลต์ เติมขึ้นมาทางกราบซ้าย ก่อนจะเปิดบอลเรียดไปให้ บรูโน่ แฟร์นันเดส ยิงด้วยซ้ายผ่านมือ เลโน ตีเสมอเป็น 1-1 560bet

 

หลังจากนั้น ยูไนเต็ด มีโอกาสที่ดีกว่าในการทำประตูเพิ่ม ไชโด โอบี แข้งวัย 17 ปี ได้จังหวะสับไก แต่ เลโน ใช้มือซ้ายปัดออกไปได้ ขณะที่ การ์นาโช่ ยังคงป่วนแนวรับฟูแล่มต่อเนื่อง และบังคับให้ เลโน ต้องเซฟถึงสองครั้ง

 

แต่สุดท้าย ฟูแล่ม ยังคงยืนหยัดได้จนถึงช่วงดวลจุดโทษ หลังจากที่ทั้งสองทีมยิงกันมาอย่างสมบูรณ์แบบ ลินเดเลิฟ ยิงไปตรงกลางประตูเกินไป ทำให้ เลโน ป้องกันไว้ได้ง่ายๆ จากนั้น อันโตนี โรบินสัน แข้งทีมชาติสหรัฐฯ ยิงเข้าไปอย่างเยือกเย็น ทำให้ เซิร์กซี ต้องยิงให้ได้เพื่อรักษาโอกาสของ ยูไนเต็ด แต่ครั้งนี้เขายิงไปตรงทางที่ เลโน เดาทางถูก และกลายเป็นคนพาทีมตกรอบ 560bet

 

ฟูแล่ม ได้รางวัลเป็นการผ่านเข้ารอบไปเจอกับ คริสตัล พาเลซ โดยในบรรดาทีมที่เหลืออยู่ มีเพียง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เท่านั้นที่มาจาก “บิ๊กซิกซ์” ของพรีเมียร์ลีก ซึ่งทำให้พวกเขามีสิทธิ์ฝันถึงแชมป์รายการใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ขณะที่ ยูไนเต็ด ตอนนี้เหลือแค่การแข่งขันเพียงรายการเดียวให้ลุ้นในช่วงสามเดือนสุดท้ายของฤดูกาล

 

post

ป้อมปราการกำลังทรุดตีแผ่เหตุผล ทำไมทีมต่างๆ จึงประสบปัญหาการชนะในบ้าน?

อดีตผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (Sir Alex Ferguson) เคยกล่าวว่า “เราเชื่อมั่นในฟอร์มการเล่นในบ้านเสมอ” แต่ทีมต่างๆ สามารถพึ่งพาปัจจัยนี้ได้มากแค่ไหน? ในฤดูกาลนี้ เพียง 38.7% ของเกมพรีเมียร์ลีกที่ทีมเจ้าบ้านสามารถคว้าชัยชนะได้ ซึ่งถือเป็นสถิติต่ำสุดอันดับสองในประวัติศาสตร์ หลังจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมี 7 จาก 10 เกมที่ทีมเยือนเป็นฝ่ายชนะ 

 

อะไรคือสาเหตุที่ทำให้สิ่งที่เรียกว่า “ความได้เปรียบในบ้าน” หายไป?

 

บีบีซี สปอร์ต (BBC Sport) จะพาเราไปดูตัวเลขเบื้องหลังของฤดูกาลนี้ และพยายามอธิบายว่าทำไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น ตลอดยุคพรีเมียร์ลีก มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่มีสัดส่วนการชนะในบ้านต่ำกว่าฤดูกาล 2024-25 นั่นคือฤดูกาล 2020-21 ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ในฤดูกาลที่แทบจะไม่มีแฟนบอลอยู่ในสนามเนื่องจากประเทศอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ มีเพียง 37.9% ของเกมที่ทีมเจ้าบ้านสามารถเอาชนะได้ ในขณะที่ชัยชนะของทีมเยือนสูงถึง 40.3% แต่ในขณะที่สัดส่วนของชัยชนะในบ้านอยู่ในระดับต่ำอีกครั้งในฤดูกาลนี้ ไม่มีแนวโน้มในตัวเลขที่ชี้ให้เห็นว่าสิ่งนี้กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อแฟนบอลกลับมาในฤดูกาล 2021-22 ชัยชนะในบ้านกลับมาอยู่ที่ 42.9% และเพิ่มขึ้นเป็น 48.4% ในฤดูกาลถัดมา ซึ่งสูงเป็นอันดับ 7 ในประวัติศาสตร์ของลีก โดยเฉลี่ยแล้ว สัดส่วนของชัยชนะในบ้านนับตั้งแต่พรีเมียร์ลีกเริ่มต้นในปี 1992-93 อยู่ที่ 45.7% โดยมี 5,795 เกมจากทั้งหมด 12,667 เกมที่ทีมเจ้าบ้านเป็นฝ่ายชนะ นี่ชี้ให้เห็นว่าความได้เปรียบในบ้านไม่เพียงแต่เป็นเรื่องจริง แต่หากไม่มีแฟนบอลอยู่ในสนาม ความได้เปรียบนั้นก็หายไป ในยุคที่ฟุตบอลมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทีมต่างๆ เริ่มปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ทั้งเมื่อเป็นทีมเจ้าบ้านและทีมเยือน ผู้จัดการทีมชั้นนำหลายคนได้พัฒนาแท็กติกที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ไม่ว่าจะเล่นที่บ้านหรือนอกบ้าน เป็ป กวาร์ดิโอล่า (Pep Guardiola) ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นหนึ่งในผู้นำการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยทีมของเขาเล่นด้วยสไตล์เดียวกันไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ส่งผลให้ประสิทธิภาพคงที่ทั้งในและนอกบ้าน ทีมอื่นๆ เริ่มทำตามแนวทางนี้ ลดความแตกต่างระหว่างการเล่นในบ้านและนอกบ้าน

 

ความกดดันของแฟนบอลนั้น เปรียบเสมือน ดาบสองคม เช่นกัน

 

แม้ว่าการสนับสนุนจากแฟนบอลจะเป็นแรงผลักดันสำคัญ แต่บางครั้งก็กลายเป็นแรงกดดันที่ส่งผลเสียต่อทีมเจ้าบ้าน โดยเฉพาะสโมสรใหญ่ที่แฟนบอลมีความคาดหวังสูง เจอร์เก้น คล็อปป์ (Jurgen Klopp) อดีตผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล เคยพูดถึงประเด็นนี้ว่า “บางครั้ง วิธีแทงบอลออนไลน์ แฟนบอลในบ้านสามารถสร้างทั้งพลังและความกดดัน” ความคาดหวังที่สูงอาจทำให้นักเตะรู้สึกกดดันและเล่นได้ไม่เต็มศักยภาพ ในทางกลับกัน ทีมเยือนมักมาพร้อมกับความกดดันที่น้อยกว่าและสามารถเล่นได้อย่างอิสระมากขึ้น มิเกล อาร์เตต้า (Mikel Arteta) ผู้จัดการทีม อาร์เซนอล เคยอธิบายว่า “เมื่อคุณเล่นเป็นทีมเยือน คุณรู้ว่าต้องทำอะไร: ป้องกันให้ดีและรอโอกาสโต้กลับ นั่นทำให้บางทีมรู้สึกสบายใจมากขึ้น” เทคโนโลยีสมัยใหม่และการวิเคราะห์ข้อมูลช่วยให้ทีมเยือนเตรียมตัวได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ทีมสามารถศึกษาคู่แข่งและสภาพสนามได้อย่างละเอียด ลดความได้เปรียบของทีมเจ้าบ้านที่คุ้นเคยกับสนามของตัวเอง โธมัส ทูเคิล (Thomas Tuchel) อดีตผู้จัดการทีม เชลซี เคยกล่าวว่า “ปัจจุบันเราสามารถเตรียมทีมให้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสนามของคู่แข่ง แม้แต่ขนาดของห้องแต่งตัว” การเดินทางที่สะดวกสบายและการพักผ่อนที่เพียงพอก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยลดความเหนื่อยล้าของทีมเยือน การนำเทคโนโลยี VAR (Video Assistant Referee) มาใช้ได้ลดอิทธิพลของแฟนบอลต่อการตัดสินของผู้ตัดสิน วิธีแทงบอลออนไลน์ งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าในอดีต ผู้ตัดสินมักมีแนวโน้มที่จะตัดสินเข้าข้างทีมเจ้าบ้านโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญของเกม ฮาวาร์ด เวบบ์ (Howard Webb) หัวหน้าผู้ตัดสินพรีเมียร์ลีก ยอมรับว่า “VAR ช่วยลดความผิดพลาดในการตัดสินและทำให้เกมมีความยุติธรรมมากขึ้น ไม่ว่าจะเล่นที่ไหน” นี่อาจเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ความได้เปรียบในบ้านลดลง ทีมต่างๆ พัฒนากลยุทธ์การเล่นนอกบ้านที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการเน้นเกมรับและรอโต้กลับ มาเป็นแนวทางที่สมดุลและแข็งแกร่งกว่า ทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ อาร์เซนอล สามารถครองบอลและสร้างเกมรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้เล่นในฐานะทีมเยือน โชเซ่ มูรินโญ่ (Jose Mourinho) ผู้จัดการทีมชื่อดัง เคยพูดว่า “ทีมที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ต้องชนะได้ทุกที่ ไม่ว่าจะบ้านหรือนอกบ้าน” ปรัชญานี้ได้แพร่หลายในวงการฟุตบอลสมัยใหม่ ทำให้ทีมเยือนกล้าที่จะเล่นเชิงรุกมากขึ้น เควิน เดอ บรอยน์ (Kevin De Bruyne) กองกลางของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เคยให้ความเห็นว่า “ปัจจุบัน เรามีความมั่นใจเมื่อเล่นที่ไหนก็ตาม เราไม่ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการเล่นเพียงเพราะเล่นนอกบ้าน” ในขณะที่ แฮร์รี่ เคน (Harry Kane) กล่าวว่า “บางครั้งการเล่นนอกบ้านให้พื้นที่มากกว่า ทำให้ทีมที่เน้นการโจมตีอย่างรวดเร็วมีความได้เปรียบ” แม้ว่าสถิติของฤดูกาล 2024-25 จะน่าสนใจ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่านี่เป็นแนวโน้มระยะยาวหรือเพียงแค่ความผันผวนชั่วคราว ประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกแสดงให้เห็นว่าความได้เปรียบในบ้านยังคงมีอยู่ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในบางฤดูกาล อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชัดเจนคือฟุตบอลสมัยใหม่กำลังพัฒนาไปสู่จุดที่ทีมชั้นนำสามารถแสดงศักยภาพได้ไม่ว่าจะเล่นที่ไหน ความท้าทายสำหรับสโมสรคือการรักษาสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบในบ้านและการพัฒนาความแข็งแกร่งเมื่อต้องเล่นนอกบ้าน เพราะในที่สุดแล้ว ตามที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (Sir Alex Ferguson) เคยกล่าวไว้ “แชมเปี้ยนที่แท้จริงชนะได้ทุกที่” และนั่นคือสิ่งที่ทีมทุกทีมในพรีเมียร์ลีกกำลังพยายามทำให้สำเร็จ

 

post

เรอัล มาดริด แพ้อุทธรณ์กรณี เบลลิงแฮม ถูกแบนจากการด่าผู้ตัดสิน

เรอัล มาดริด (Real Madrid) ไม่ประสบความสำเร็จในการอุทธรณ์โทษแบน 2 นัดที่มีต่อ จู๊ด เบลลิงแฮม (Jude Bellingham) กรณีด่าผู้ตัดสิน กองกลางทีมชาติอังกฤษวัย 21 ปี ถูกแสดงใบแดงโดยตรงในช่วงครึ่งแรกของเกมที่ทีมเสมอกับ โอซาซูน่า (Osasuna) 1-1 ในศึก ลา ลีกา (La Liga) เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ผู้ตัดสิน โฆเซ่ มูนูเอร่า มอนเตโร่ (Jose Munuera Montero) ระบุในรายงานการแข่งขันว่า เบลลิงแฮม (Bellingham) พูดว่า “f*** you” ใส่เขา สมาพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFEF) จึงออกโทษแบน 2 นัด เนื่องจากนักเตะแสดง “ทัศนคติที่ดูหมิ่นหรือไม่ให้เกียรติต่อผู้ตัดสิน เจ้าหน้าที่ หรือผู้มีอำนาจทางการกีฬา”

 

หลังจบเกม เบลลิงแฮม (Bellingham) อ้างว่าเขาไม่ได้ด่าผู้ตัดสิน แต่เป็นการพูดกับตัวเอง 

 

เรอัล มาดริด (Real Madrid) แจ้งต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ว่า เบลลิงแฮม (Bellingham) พูดว่า “f*** off” ไม่ใช่ “f*** you” อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการระบุว่าสโมสรพยายาม “แสดงให้เห็นถึงการไม่มีลักษณะดูหมิ่นหรือก้าวร้าว” ของคำว่า “f*** off” แต่เรื่องนี้ “ไม่เกี่ยวข้อง” เนื่องจากไม่สามารถยืนยันได้ว่า เบลลิงแฮม (Bellingham) พูดแบบนั้นจริง 128coffee ผลจากการถูกแบน เขาจะพลาดลงเล่นในเกมลีกที่พบกับ คิโรน่า (Girona) วันอาทิตย์นี้ และเกมเยือน เรอัล เบติส (Real Betis) วันที่ 2 มีนาคม นอกจากนี้ เขายังจะพลาดนัดแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (UEFA Champions League) ที่พบกับ แอตเลติโก มาดริด (Atletico Madrid) เนื่องจากได้รับใบเหลืองที่สามในรายการยุโรปจากเกมที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) เมื่อวันพุธ

 

สำหรับ ประเด็นเรื่องการคุกคามผู้ตัดสินและการวิพากษ์วิจารณ์

 

สัปดาห์นี้ สมาพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFEF) ประณามการกระทำ “น่ารังเกียจ” ที่ มอนเตโร่ (Montero) และครอบครัวถูกคุกคามบนโซเชียลมีเดียหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนหน้านี้ เรอัล มาดริด (Real Madrid) ส่งจดหมายร้องเรียนอย่างเป็นทางการถึงสมาพันธ์ฟุตบอลสเปนและสภากีฬาระดับสูงของสเปน โดยกล่าวหาว่าผู้ตัดสินลำเอียง “โกง” และ “เสื่อมเสียความน่าเชื่อถือโดยสิ้นเชิง” หลังจากทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) แพ้ เอสปันญ่อล (Espanyol) 0-1 โดยทีมเรอัล มาดริด (Real Madrid) อ้างว่า คาร์ลอส โรเมโร่ (Carlos Romero) กองหลัง เอสปันญ่อล (Espanyol) ควรถูกไล่ออกก่อนที่เขาจะยิงประตูชัยในช่วงท้ายเกม ในวันศุกร์ สมาพันธ์ฟุตบอลสเปน (RFEF) เปิดตัวแคมเปญรณรงค์ให้ 128coffee เคารพผู้ตัดสิน สโลแกน “เคารพผู้ตัดสิน เคารพฟุตบอล” จะถูกแสดงในเกมทีมชาติหญิงของสเปนใน ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก (UEFA Nations League) ที่พบกับ เบลเยียม (Belgium) วันศุกร์ รวมถึงเกม ลา ลีกา (La Liga) และดิวิชั่น 2 ทุกคู่ในสุดสัปดาห์นี้ ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ ฮันซี่ ฟลิค (Hansi Flick) ผู้จัดการทีม บาร์เซโลน่า (Barcelona) หยิบยกประเด็นที่ เรอัล มาดริด (Real Madrid) วิจารณ์ผู้ตัดสินขึ้นมาพูดโดยไม่มีใครถาม เขากล่าวว่า “สิ่งที่พวกเขา [เรอัล มาดริด (Real Madrid)] กำลังทำกับผู้ตัดสินในสเปนตอนนี้เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ เราต้องคิดถึงครอบครัวของผู้ตัดสิน พวกเราทุกคนทำผิดพลาดได้ และถ้ามันเกิดขึ้นในเกม ผมคิดว่าเป็นความรับผิดชอบของโค้ชและนักเตะที่จะต้องปกป้องพวกเขา เราต้องปกป้องเกมการแข่งขัน เพราะเราไม่สามารถเล่นโดยไม่มีผู้ตัดสินได้ นี่คือสิ่งที่เราต้องทำ”