มิลูติน ออสมาอิจ ถูกแบน 8 นัดหลังจากกัดผู้เล่นของแบล็คเบิร์น

มิลูติน ออสมาอิจ (Milutin Osmajic) กองหน้าของเพรสตัน นอร์ท เอนด์ (Preston North End) ถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) ลงโทษแบน 8 นัด หลังจากมีการยืนยันว่าเขากัด โอเว่น เบ็ค (Owen Beck) ผู้เล่นแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส (Blackburn Rovers) ในการแข่งขันลานคาเชียร์ ดาร์บี้ (Lancashire Derby) ที่จบลงด้วยสกอร์เสมอ 0-0 เมื่อเดือนกันยายน

เหตุการณ์ในเกมดาร์บี้

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงท้ายของการแข่งขันดาร์บี้แมตช์ที่ทั้งเพรสตัน (Preston) และแบล็คเบิร์น (Blackburn) ไม่สามารถทำประตูได้ โดยในช่วงเวลานั้น โอเว่น เบ็ค (Owen Beck) ถูกไล่ออกจากสนามหลังจากไปเตะ ดเวน โฮล์มส์ (Duane Holmes) ของเพรสตัน ทำให้ทีมแบล็คเบิร์นเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน หลังจากนั้นเหตุการณ์การกัดของออสมาอิจ (Osmajic) ก็ถูกตรวจสอบเพิ่มเติมและกลายเป็นประเด็นหลักของการแข่งขันนี้

บทลงโทษจาก FA และการตอบสนองของสโมสร

จากการสอบสวนของ FA ออสมาอิจ (Osmajic) ถูกลงโทษแบน 8 นัด ซึ่งถือเป็นบทลงโทษรุนแรงสำหรับเหตุการณ์พฤติกรรมรุนแรงในสนาม นอกจากนี้เขายังถูกปรับเงินจำนวน 15,000 ปอนด์ด้วย ขณะเดียวกัน สโมสรเพรสตัน (Preston) ก็ได้ออกมาระบุว่าจะไม่แถลงเพิ่มเติมจนกว่า FA จะเปิดเผยเหตุผลอย่างเป็นทางการในการลงโทษครั้งนี้ โดยปีเตอร์ ริดสเดล (Peter Ridsdale) ผู้อำนวยการของสโมสรเพรสตัน (Preston) ได้กล่าวว่า “เรายอมรับข้อกล่าวหาและได้เริ่มกระบวนการลงโทษภายในสโมสรแล้ว ซึ่งรายละเอียดนั้นจะถูกเก็บเป็นความลับ”

ผลกระทบต่อการเล่นของออสมาอิจ และเพรสตัน 

การถูกแบนครั้งนี้ส่งผลให้ออสมาอิจ (Osmajic) จะไม่สามารถลงเล่นได้จนถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน ในการแข่งขันแชมเปี้ยนชิพ (Championship) ที่เพรสตัน (Preston) จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของดาร์บี้ เคาน์ตี้ (Derby County) โดยในฤดูกาลนี้ ออสมาอิจ (Osmajic) ซึ่งเพิ่งย้ายมาจากกาดิซ (Cadiz) ในเดือนกันยายน 2023 ถือเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีม ทำประตูไปแล้วถึง 5 ประตูจาก 11 นัด รวมถึงการยิง 2 ประตูในเกมที่ชนะวัตฟอร์ด (Watford) 3-0 ในการแข่งขันแชมเปี้ยนชิพเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

เปรียบเทียบกับกรณีของ หลุยส์ ซัวเรซ 

เหตุการณ์กัดของออสมาอิจ (Osmajic) ทำให้หลายคนหวนคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่หลุยส์ ซัวเรซ (Luis Suarez) อดีตกองหน้าชาวอุรุกวัย เคยถูกแบน 10 นัดในปี 2013 หลังจากที่เขากัดบรานิสลาฟ อิวาโนวิช (Branislav Ivanovic) ผู้เล่นของเชลซี (Chelsea) ในเกมพรีเมียร์ลีก ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการฟุตบอลในขณะนั้น และกรณีของออสมาอิจ (Osmajic) ในปัจจุบันก็ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง

ในขณะที่ FA กำลังเตรียมเผยแพร่รายละเอียดของการลงโทษ ออสมาอิจ (Osmajic) จะต้องรับผลจากการกระทำของเขาและเผชิญกับการขาดหายจากสนามฟุตบอลเป็นระยะเวลานาน

หากคุณต้องการประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการ แทงบอลยูโร 2024 อย่าลืมเลือกเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ การ แทงบอลยูโร 2024 นั้นไม่เพียงแค่สนุก แต่ยังเป็นโอกาสในการทายผลการแข่งขันทีมชาติระดับโลก

post

อดีตกองหลังเรอัล มาดริดและแมนฯ ยูไนเต็ด วาราน ประกาศเลิกเล่นในวัย 31 ปี

อดีตกองหลังเรอัล มาดริดและแมนฯ ยูไนเต็ด วาราน ประกาศเลิกเล่นในวัย 31 ปี

อดีตกองหลังทีม เรอัล มาดริด และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ราฟาเอล วาราน (Raphael Varane) ได้ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการในวัยเพียง 31 ปี สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอลทั่วโลก

วาราน (Varane) เพิ่งย้ายมาร่วมทีม โคโม่ ในลีกอิตาลี แบบไม่มีค่าตัวเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่โชคร้ายที่เขาได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าในนัดเปิดตัวกับทีม ซามพ์โดเรีย เมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้ต้องพักยาวและส่งผลต่อการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้

แม้จะเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพแล้ว แต่วาราน (Varane) ยืนยันว่าจะยังคงอยู่กับทีม โคโม่ ต่อไปในบทบาทที่ไม่ใช่นักเตะ โดยเขาได้โพสต์ข้อความบนอินสตาแกรมว่า “ผมตั้งมาตรฐานให้ตัวเองไว้สูงมาก ผมอยากจบอาชีพแบบแข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่พยายามจะเกาะติดเกมไว้ มันต้องใช้ความกล้าอย่างมากที่จะฟังเสียงของหัวใจและสัญชาตญาณของตัวเอง”

วาราน (Varane) เริ่มต้นอาชีพกับทีม ล็องส์ ในลีกฝรั่งเศส และใช้เวลาเพียงหนึ่งฤดูกาลในทีมชุดใหญ่ก่อนย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ในปี 2011 ที่นั่นเขาประสบความสำเร็จอย่างงดงามตลอด 10 ปี คว้าแชมป์ไปถึง 18 รายการ รวมถึงแชมป์ ลา ลีกา 3 สมัย และ แชมเปียนส์ ลีก 4 สมัย

หลังจากประสบความสำเร็จในสเปน วาราน (Varane) ตัดสินใจย้ายมาท้าทายตัวเองในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์ปี 2021 ด้วยค่าตัวเริ่มต้น 34 ล้านปอนด์ เขาลงเล่นให้ทีมปีศาจแดงไป 95 นัด แม้จะมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง

ในช่วงเวลากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วาราน (Varane) คว้าแชมป์ คาราบาว คัพ ในปี 2022 และนัดสุดท้ายที่เขาลงเล่นให้ทีมคือในเกมชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ที่เอาชนะคู่ปรับอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สนามเวมบลีย์เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด meechockdee สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

จานนี่ อินฟานติโน่ (Gianni Infantino) ประธานฟีฟ่า ได้อวยพรให้วาราน (Varane) “โชคดีสำหรับอนาคต” และกล่าวเสริมว่า “เขาเป็นตำนานของเกมอันสวยงามนี้ และเป็นเสียงสำคัญในการต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติระดับโลกของฟีฟ่า”

คริสเตียโน โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo) อดีตเพื่อนร่วมทีมทั้งที่ เรอัล มาดริด และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้แสดงความยินดีกับวาราน (Varane) ผ่านอินสตาแกรมว่า “อาชีพที่ยิ่งใหญ่และตำนานของวงการฟุตบอล! ขอแสดงความยินดีสำหรับทุกสิ่งนะพี่ชาย หวังว่าจะได้เจอกันเร็วๆ นี้”

นอกจากความสำเร็จในระดับสโมสรแล้ว วาราน (Varane) ยังประสบความสำเร็จกับทีมชาติฝรั่งเศสอย่างมาก เขาเปิดตัวกับทีมชาติในปี 2013 และลงเล่นไปทั้งสิ้น 93 นัด คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2018 แชมป์ เนชันส์ ลีก ในปี 2021 และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกอีกครั้งในปี 2022

วาราน (Varane) กล่าวถึงการตัดสินใจเลิกเล่นของเขาว่า “ผมล้มลุกคลุกคลานมานับพันครั้ง และครั้งนี้ถึงเวลาที่ต้องหยุดและแขวนสตั๊ดแล้ว โดยเกมสุดท้ายของผมจบลงด้วยการคว้าแชมป์ที่เวมบลีย์ ผมไม่มีอะไรต้องเสียใจ ผมไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ผมประสบความสำเร็จมากกว่าที่เคยฝันไว้ด้วยซ้ำ แต่นอกเหนือจากรางวัลและถ้วยแชมป์แล้ว ผมภูมิใจที่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็ยึดมั่นในหลักการของการเป็นคนจริงใจ และพยายามทำให้ทุกที่ที่ผมไปดีขึ้นกว่าตอนที่ผมเข้าไป ผมหวังว่าผมได้ทำให้พวกคุณทุกคนภูมิใจ”

สำหรับแผนในอนาคต วาราน (Varane) กล่าวเพิ่มเติมว่า “ชีวิตใหม่นอกสนามกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ผมจะยังคงอยู่กับ โคโม่ เพียงแต่ไม่ได้ใช้รองเท้าสตั๊ดและสนับแข้งแล้ว เป็นเรื่องที่ผมตั้งตารอที่จะได้แบ่งปันรายละเอียดเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้”

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา วาราน (Varane) เคยออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการโหม่งลูกฟุตบอล โดยกล่าวว่าเขาได้ “ทำร้ายร่างกายตัวเอง” และครั้งหนึ่งเคยเล่นจบเกมฟุตบอลโลกของทีมชาติฝรั่งเศสในปี 2014 แบบ “อัตโนมัติ” หลังจากเล่นต่อทั้งที่มีอาการกระทบกระเทือนทางสมอง เขาจึงเรียกร้องให้มีการป้องกันที่ดีขึ้นและการตระหนักรู้ที่มากขึ้นเกี่ยวกับปัญหานี้ในวงการฟุตบอล

การประกาศเลิกเล่นของวาราน (Varane) ในวัยเพียง 31 ปี ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการฟุตบอล แต่ก็เป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญเพื่อสุขภาพในระยะยาวของเขา แฟนบอลทั่วโลกต่างร่วมอวยพรและขอบคุณสำหรับช่วงเวลาอันยอดเยี่ยมที่เขามอบให้กับวงการฟุตบอล

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ วาราน (Varane) มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด meechockdee สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

 

post

ในที่สุดก็ได้ทีมเล่นแล้ว อองโตนี่ มาร์กซิยาล ตกลงซบ เออีเค เอเธนส์ เผยค่าเหนื่อยแพงสุดประวัติศาสตร์ สโมสร

อองโตนี่ มาร์กซิยาล (Anthony Martial) อดีตดาวเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด (Manchester United) ได้ทีมลงเสียทีหลังว่างงานมาอย่างเนิ่นนานโดยเป็นทาง เออีเค เอเธนส์ (AEK Athens) ทีมดังเมืองเทพนิยาย กรซ คว้าตัวไปร่วมทีมได้สำเร็จ ซึ่งมีการเปิดเผยตัวเลขค่าเหนื่อยออกมาถือเป็นค่าเหนื่อยที่แพง ระดับเป็นประวัติศาสตร์สโมสรเลยทีเดียว ซึ่งก่อนหน้าที่จะตกลงปลงใจกับ เออีเค เอเธนส์ (AEK Athens) ทางด้าน อองโตนี่ มาร์กซิยาล (Anthony Martial) ก็ได้รับความสนใจจากสโมสรชั้นนำทั่วยุโรปเลยทีเดียว อตาลันต้า (Atalanta BC)  ก็มีเคยให้ความสนใจ หรือจะเป็นทีมดังจากลีก บราซิล อย่างฟลาเมงโก้ (Flamengo) เองก็ตกเป็นข่าวกับเขาด้วยเช่นกัน แต่สุดท้าย น้องหมากก็เลือกที่จะไป เออีเค เอเธนส์ ในที่สุด

 

รายงานระบุว่า มาร์ซิยาล จะได้รับค่าเหนื่อนถึง 2.5 ล้านปอนด์ ต่อหนึ่งฤดูกาล กับทาง เออีเค เอเธนส์ ซึ่งตอนนี้ก็มีประกาศไปชัดเจนแล้ว

 

สำหรับค่าเหนื่อยของ อองโตนี่ มาร์กซิยาล (Anthony Martial) ที่ได้รับกับทาง เออีเค เอเธนส์ (AEK Athens) นั้นก็ได้มีการเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่าอยู่ที่ 2.5 ล้านปอนด์ ต่อปี นอกจากนี้ยังมีเรื่องขอโบนัสต่างๆอีก รวมๆแล้วมีมู่ลค่าราวๆ 7.5 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติของสโมสรอีกด้วย กลายเป็นนักเตะที่มีค่าเหนื่อยมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของสโมส เออีเค เอเธนส์ (AEK Athens) ไปเลย และแน่นอนว่าเรตค่าเหนื่อยนี้กับระยะเวลาตลอดสามปีก็คือเป็นสิ่งที่ทาง อองโตนี่ มาร์ซิยาล นั้นต้องการเองด้วย อ้างอิงจากก่อนหน้านี้นั้น ทาง ฟลาเมงโก้ (Flamengo) ทีมดังจากบราซิล ต้องการที่จะเซ็นสัญญากับเขาเช่นกันแต่ก็ล้มเหลวไปเพราะไม่สามารถให้ได้ตามที่ตัวของ อองโตนี่ มาร์ซิยาล (Anthony Martial) ต้องการ เนื่องจากตัวนักเตะนั้นต้องการระยะเวลาสัญญา 3 ปี ขึ้นไปนั่นเองสำหรับ อองโตนี่ มาร์ซิยาล (Anthony Martial) นั้นหมดสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่งเขาก็หาที่ลงไม่ได้มานานแม้ว่าจะมีความสนใจจากหลายสโมสรเข้ามาก็ตามแต่ก็ยังคงติดขัดเงื่อนไขต่างๆ อยู โดยทาง อองโตนี่ มาร์ซิยาล (Anthony Martial) นั้นไม่ค่อยได้รับโอกาสหลังจากการมาคุมทีมปิศาจแดง ของ เอริค เทน ฮาก (Erik ten Hag) ซึ่งก็ถือเป็นกุนซือดวงแข็งคนนึง ที่พอผลงานไม่ค่อยดี จนเกือบจะถึงฆาต แต่ก็สามารถเอาตัวรอดได้ตลอด สำหรับท่านใดที่ต้องการรู้ วิธีแทงบอลออนไลน์ ลองค้นหาที่หน้าเว็บไซต์ดูได้เลย ปัจจุบันมี วิธีแทงบอลออนไลน์ ให้ได้เรียนรู้อย่างง่ายดาย ตอนนี้ ก็ถือเป็นความท้าทายครั้งใหม่ที่ทาง อองโตนี่ มาร์กซิยาล (Anthony Martial) จะได้ลองทำมันอีกครั้งหลังประสบความล้มเหลวกับการมาค้าแข้งในถิ่น โอลด์ ทราฟฟอร์ด

 

นอกจาก มาร์ซิยาล จะได้ทีมใหม่แล้ว ทาง อาเดรียง ราบิโอต์ (Adrien Rabiot) ก็เป็นอีกคนที่ได้ที่ลงซักทีหลังจากเคว้งคว้างอยู่ในตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้มาพักใหญ่

 

นักเตะฟรีเอเย่นต์ ในตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านค่อนข้างน่าสนใจอยู่หลายราย อีกหนึ่งรายที่เพิ่งจะได้ที่ลงก็คือ อาเดรียง ราบิโอต์ (Adrien Rabiot) ที่ก่อนหน้านี้นั้น เลือกมาก ต้องการค่าเหนื่อยที่แพงระยับ สุดท้าย หาคนจ้างงานไม่ได้ จนในที่สุดก็ได้กลับไปใช้ชีวิตที่ฝรั่งเศสบ้านเกิดเสียที หลังตกลงปลงใจย้ายไปร่วมทีม โอลิมปิค มาร์เซย (Olympique de Marseille) ที่มีกุนซือมากฝีมืออย่าง โรแบร์โต้ เดอ แชร์บี้ (Roberto De Zerbi) คุมทัพอยู่แถมตอนนี้ฟอร์มของทีมในลีกเอิง ยังปังปุริเย่ ไล่บี้หัวตาราง มีโอกาสขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ได้เลยในฤดูกาลนี้ โดยเจ้าตัวจะสวมหมายเลข 25 ลงเล่นให้ทีมดังจากฝรั่งเศส ดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสจะเซ็นต์สัญญา 2 ปี และพร้อมที่จะลงบู๊ในลีกเอิงเรียบร้อยแล้ว

post

โคลแมน ถอนตัวจากทีมสาธารณรัฐ ไอร์แลนด์ ในเกมสำคัญกับ กรีซ

โคลแมน (Seamus Coleman) ถอนตัวจากทีมสาธารณรัฐ ไอร์แลนด์ ในเกมสำคัญกับ กรีซ

ในความพัฒนาล่าสุดที่สร้างความกังวลให้กับแฟนบอลชาว ไอริช ซีมัส โคลแมน (Seamus Coleman) กัปตันทีมสาธารณรัฐ ไอร์แลนด์ วัย 35 ปี ได้ถูกตัดสินให้พลาดเกม เนชันส์ ลีก ที่สำคัญกับ กรีซ ในวันอังคารที่จะถึงนี้ เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับในเกมล่าสุด การถอนตัวของ โคลแมน (Coleman) เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับทีมชาติ ไอร์แลนด์ ซึ่งกำลังมองหาการฟื้นตัวหลังจากพ่ายแพ้ให้กับ อังกฤษ ในบ้านเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

โคลแมน (Coleman) ซึ่งเป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์และเป็นแกนหลักของทีมชาติ ไอร์แลนด์ มาอย่างยาวนาน ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลังของเกมกับ อังกฤษ หลังจากปะทะกับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ (Harry Maguire) กองหลังของ อังกฤษ ในจังหวะแย่งบอลกลางอากาศ เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ โคลแมน (Coleman) ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าซ้าย ซึ่งรุนแรงพอที่จะทำให้เขาต้องถอนตัวจากทีมชาติและเดินทางกลับไปยังสโมสร เอฟเวอร์ตัน เพื่อรับการรักษาและประเมินอาการอย่างละเอียด 

เพื่อทดแทนการขาดหายไปของ โคลแมน (Coleman) ทางสมาคมฟุตบอลแห่ง ไอร์แลนด์ (FAI) ได้เรียกตัว เฟสตี้ เอโบเซเล่ (Festy Ebosele) เข้ามาเสริมทีม เอโบเซเล่ (Ebosele) วัย 21 ปี เป็นผู้เล่นดาวรุ่งที่กำลังสร้างชื่อให้กับตัวเองในวงการฟุตบอล ปัจจุบันเขาสังกัดสโมสร อูดิเนเซ่ ใน อิตาลี แต่กำลังถูกยืมตัวไปเล่นให้กับ วัตฟอร์ด ในแชมเปี้ยนชิพ ของ อังกฤษ แม้จะมีประสบการณ์กับทีมชาติเพียง 3 นัด แต่ เอโบเซเล่ (Ebosele) ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับโค้ช ไฮเมียร์ ฮัลล์กริมส์สัน (Heimir Hallgrimsson)

การถอนตัวของ โคลแมน (Coleman) สร้างความท้าทายทางยุทธวิธีให้กับ ฮัลล์กริมส์สัน (Hallgrimsson) ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งโค้ชทีมชาติ ไอร์แลนด์ ได้ไม่นาน ในเกมกับ อังกฤษ โคลแมน (Coleman) ได้รับมอบหมายให้เล่นในตำแหน่งแบ็คขวาของระบบ 3 กองหลัง การขาดหายไปของเขาอาจทำให้ ฮัลล์กริมส์สัน (Hallgrimsson) ต้องปรับแผนการเล่น โดยมีความเป็นไปได้ว่า แมตต์ โดเฮอร์ตี้ (Matt Doherty) อาจถูกดึงลงมาจากตำแหน่งวิงแบ็คมาเล่นในแนวรับแทน โคลแมน (Coleman)

เกมกับ กรีซ ที่กำลังจะมาถึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทีมชาติ ไอร์แลนด์ หลังจากพ่ายแพ้ให้กับ อังกฤษ 2-0 ในเกมแรกภายใต้การคุมทีมของ ฮัลล์กริมส์สัน (Hallgrimsson) ทีม ไอริช กำลังมองหาการฟื้นฟูความมั่นใจและผลงาน อย่างไรก็ตาม กรีซ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ง่าย เนื่องจากพวกเขาเคยเอาชนะ ไอร์แลนด์ มาแล้วทั้งในบ้านและนอกบ้านในช่วงแคมเปญคัดเลือก ยูโร 2024

ความท้าทายสำหรับทีมชาติ ไอร์แลนด์ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การขาดหายไปของ โคลแมน (Coleman) เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้นจากผลงานที่ไม่ดีนักในช่วงที่ผ่านมา แฟนบอลชาว ไอริช กำลังรอคอยการแสดงผลงานที่น่าประทับใจและชัยชนะที่จะช่วยฟื้นฟูความหวังสำหรับอนาคตของทีม

ในขณะเดียวกัน โคลแมน (Coleman) จะต้องเร่งฟื้นฟูร่างกายเพื่อกลับมาช่วยทีมชาติในเกมสำคัญๆ ที่จะตามมา รวมถึงการกลับไปช่วยสโมสร เอฟเวอร์ตัน ใน พรีเมียร์ลีก การบาดเจ็บครั้งนี้อาจเป็นการทดสอบความแข็งแกร่งทั้งทางร่างกายและจิตใจของกัปตันทีมที่มีประสบการณ์รายนี้ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด แทงบอลสเต็ป สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

สำหรับ เอโบเซเล่ (Ebosele) นี่อาจเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการแสดงศักยภาพและสร้างชื่อให้กับตัวเองในระดับทีมชาติ การได้รับเลือกให้เข้ามาแทนที่ผู้เล่นระดับตำนานอย่าง โคลแมน (Coleman) ถือเป็นความไว้วางใจอย่างสูงจากทีมงานโค้ช และเขาจะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองคู่ควรกับโอกาสนี้

ในท้ายที่สุด เกมกับ กรีซ จะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับทีมชาติ ไอร์แลนด์ ภายใต้การนำของ ฮัลล์กริมส์สัน (Hallgrimsson) ไม่เพียงแต่พวกเขาจะต้องปรับตัวกับการขาดหายไปของผู้เล่นคนสำคัญ แต่ยังต้องแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าและการพัฒนาในเกมนี้ด้วย ผลการแข่งขันอาจมีผลกระทบอย่างมากต่อขวัญกำลังใจของทีมและความเชื่อมั่นของแฟนบอลในอนาคตอันใกล้

วันนี้ทางเรา จึงสรุปข่าวของ ซีมัส โคลแมน (Seamus Coleman) มาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ และทั้งนี้หากใครไม่อยากพลาด แทงบอลสเต็ป สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์นี้ได้เลยครับ

post

เอริค เทน ฮาก กับความกดดันที่เพิ่มขึ้น 7 เกมใน 22 วันหลังพักเบรกทีมชาติจะเป็นตัวชี้วัดอนาคต

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) พ่ายแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล (Liverpool) 0-3 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด (Old Trafford) ส่งผลให้พวกเขาร่วงลงมาอยู่อันดับที่ 14 ในตาราง พรีเมียร์ลีก (Premier League) โดยมีเพียง 3 คะแนนจาก 3 นัดแรกของฤดูกาล ความกดดันกำลังเพิ่มขึ้นอย่างหนักสำหรับกุนซือชาวดัตช์ หลังจากที่เขาพาทีมจบอันดับ 8 ในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งถือเป็นอันดับต่ำสุดของสโมสรในยุคพรีเมียร์ลีก

อะไรรออยู่ข้างหน้าสำหรับปีศาจแดง?

หลังจากพักเบรกทีมชาติ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีโปรแกรมลงสนาม 7 นัดในเวลาเพียง 22 วัน ระหว่างช่วงพักเบรกทีมชาติเดือนกันยายนและตุลาคม โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. เกมเยือนเซาแธมป์ตัน (Southampton) ทีมน้องใหม่ในวันที่ 14 กันยายน
2. เปิดบ้านพบบาร์นสลีย์ (Barnsley) ในศึกคาราบาวคัพ (Carabao Cup) รอบ 3 วันที่ 17 กันยายน
3. เยือนคริสตัล พาเลซ (Crystal Palace) ในพรีเมียร์ลีก วันที่ 21 กันยายน
4. เปิดบ้านพบทเวนเต้ (Twente) ในยูโรปา ลีก (Europa League) นัดแรก วันที่ 25 กันยายน
5. เปิดบ้านรับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ (Tottenham Hotspur) ในพรีเมียร์ลีก วันที่ 29 กันยายน
6. บุกเยือนปอร์โต้ (Porto) ในยูโรปา ลีก วันที่ 3 ตุลาคม
7. เยือนแอสตัน วิลล่า (Aston Villa) ในพรีเมียร์ลีก วันที่ 6 ตุลาคม

ในช่วงเวลาที่ความกดดันถาโถมเข้าหา เอริค เทน ฮาก การติดตามผลบอลแบบเรียลไทม์จาก sbobet live จึงกลายเป็นสิ่งที่แฟนบอลหลายคนให้ความสำคัญ เพื่อดูว่าทีมจะสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้หรือไม่ โปรแกรมที่ยากลำบากเช่นนี้ทำให้การเช็ก sbobet live ผลการแข่งขันกลายเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพราะทุกแต้มมีความสำคัญในการฟื้นฟูความมั่นใจของทีม

ความท้าทายที่รออยู่

โปรแกรมที่ยาก

เมื่อเทียบกับผลงานฤดูกาลที่แล้ว โปรแกรมชุดนี้ถือว่าค่อนข้างยากสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมเยือน คริสตัล พาเลซ ที่แพ้ไปถึง 0-4 ในฤดูกาลที่แล้ว และเกมเหย้าพบ ท็อตแน่ม ที่เสมอ 2-2 ในเดือนมกราคม เอริค เทน ฮาก จำเป็นต้องพาทีมทำผลงานให้ดีกว่าเดิมเพื่อบรรเทาความกดดันที่กำลังเพิ่มขึ้น

ถ้วยรายการรองไม่อาจช่วยได้มากนัก

แม้ว่า เอริค เทน ฮาก จะพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ (FA Cup) และ คาราบาวคัพ ในฤดูกาลที่แล้ว แต่ความสำเร็จในถ้วยรายการรองอาจไม่เพียงพอที่จะรักษาตำแหน่งของเขาไว้ได้ หากผลงานในลีกยังไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข่าวลือว่าทางสโมสรได้มีการพูดคุยกับผู้จัดการทีมคนอื่นๆ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

สิ่งที่เอริค เทน ฮากต้องทำ

ปรับระบบการเล่นให้แน่นหนา

ปัญหาสำคัญของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือการเสียประตูจากการโดนโต้กลับเร็ว โดยเฉพาะในเกมที่แพ้ ลิเวอร์พูล 0-3 ทั้ง 3 ประตูเกิดจากการเสียบอลในแดนตัวเอง เอริค เทน ฮาก จำเป็นต้องปรับระบบการเล่นให้แน่นหนาขึ้น โดยเฉพาะในแดนกลาง

เร่งปรับตัวนักเตะใหม่

มานูเอล อูการ์เต้ (Manuel Ugarte) มิดฟิลด์ตัวใหม่ของทีมจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับ พรีเมียร์ลีก โดยเร็ว เพื่อแก้ปัญหาในแดนกลางที่กำลังเผชิญอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ คาเซมิโร่ (Casemiro) โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวังในเกมล่าสุด

แก้ปัญหาเรื่องการจบสกอร์

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำประตูได้เพียง 2 ลูกจาก 3 เกมแรกในลีก ทั้งที่สร้างโอกาสได้มากพอสมควร พวกเขาจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาเรื่องการจบสกอร์โดยด่วน โดยหวังว่า ราสมุส โฮยลุนด์ (Rasmus Hojlund) กองหน้าคนใหม่จะกลับมาจากอาการบาดเจ็บและช่วยทีมในเรื่องนี้ได้

บทสรุป

7 เกมใน 22 วันหลังพักเบรกทีมชาติจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะชี้วัดอนาคตของ เอริค เทน ฮาก กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาจำเป็นต้องพาทีมกลับมาทำผลงานที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพรีเมียร์ลีก มิฉะนั้นแล้วความกดดันที่มีอยู่อาจเพิ่มขึ้นจนถึงจุดที่ยากจะแก้ไขได้ทันก่อนช่วงพักเบรกทีมชาติในเดือนตุลาคม ใน 7 เกมที่รออยู่ข้างหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งในลีกและ ยูโรปา ลีก โดยแฟนบอลสามารถติดตามผลผ่าน sbobet live เพื่อรับข้อมูลแบบทันทีทันใด ขณะที่เอริค เทน ฮากพยายามปรับระบบการเล่นและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงต้นฤดูกาล

post

เคียซ่า แลนดิ้งแผ่นดินอังกฤษ เตรียมตรวจร่างกายหงส์จ่อปิดดีล รายแรกยุค อาร์เน่อ สล็อท

ในที่สุดลิเวอร์พูล ก็จ่อเตรียมปิดดีล เฟเดริโก้ เคียซ่า (Federico Chiesa) ดาวเตะตัวจี๊ดทีมชาติ อิตาลีหลังเจ้าตัวบินตรงแลนดิ้งเมืองผู้ดีคาดเตรียมตัวตรวจร่างกาย หากไม่มีอะไรผิดพลาด เคียซ่า น่าจะพร้อมเปิดตัวเป็นนักเตะคนแรกในยุค อาร์เน่อ สล็อท (Arne Slot) ภายในวันศุกร์นี้

เมื่อเวลา 16.30 น.ตามเวลาที่อังกฤษ เฟดริโก้ เคียซ่า บินถึงแดนผู้ดี เตรียมเปิดตัวกับหงส์แดง เป็นแข้งรายแรกในซัมเมอร์นี้ 

แม้ว่าก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล (Liverpool) จะมีการปิดดีล จอร์จี้ มามาร์ดาซวิลี่ (Giorgi Mamardashvili) ไปเรียบร้อยแล้วแต่ตัวนักเตะยังถูกปล่อยให้ทางด้าน บาเลนเซีย (Valencia) ใช้งานก่อนอีก 1 ฤดูกาลดังนั้น การย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล (Liverpool) นั้นจะเกิดขึ้นในฤดูกาลหน้า ดังนั้นในดีลของ เฟเดริโก้ เคียซ่า (Federico Chiesa) หากปิดดีลได้ทุกอย่างไม่มีปัญหาใดๆ จะทำให้เขากลายเป็นนักเตะใหม่รายแรกของทีมหงส์แดง ในช่วงซัมเมอร์นี้ทันที ซึ่งถือเป็นรายแรกในยุคของ อาร์เน่อ สล็อท (Arne Slot) อีกด้วย สำหรับรายละเอียดของดีลนี้ทาง ฟาบริซโอ โรมาโน่ (Fabrizio Romano) รายงานว่า ค่าตัวอยู่ที่ 13 ล้านยูโร บวกแอดออน ระยะเวลาในการเซ็นต์สัญญา อยู่ที่ 4 ปีด้วยกัน หากการตรวจร่างกายไร้ปัญหา เฟเดริโก้ เคียซ่า (Federico Chiesa) น่าจะพร้อมเปิดตัวภายในวันศุกร์นี้ ซึ่งตำแหน่งของ เคียซ่า ถูกมองว่าจะนำมาซัพพอร์ต และทดแทน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (Mohamed Salah) หลังคิงโม เหลือสัญญาในถิ่นแอนฟิลด์ เข้าสู่ช่วงปีสุดท้าย แถมจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววเรื่องสัญญาใหม่ ด้วยอายุของ บังโม ตอนนี้แล้วการต่อสัญญาออกไป อาจจะยังไม่เกิดขึ้นทำให้ทางสโมสร จะปล่อยออกไปแบบฟรีๆ ในช่วงซัมเมอร์ ดังนั้นการมาถึงของ เฟเดริโก้ เคียซ่า (Federico Chiesa) ก็ถูกมองว่าจะนำมาแทนการจากไปของเขานั่นเอง  สำหรับทีมหงส์แดง ลงแข่งพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 2 นัด ชนะรวดทั้ง 2 นัดเก็บ 6 คะแนนเต็มได้สำเร็จ แต่ทีมหงส์แดง มีศึกใหญ่ที่รออยู่ในสัปดาห์นี้ โดยทีมของ อาร์เน่อ สล็อท จะต้องยกทัพไปเยือน โอลด์ทราฟฟอร์ด ทำศึกแดงเดือด กับ แมนฯ ยูไนเต็ด สำหรับนักลงทุนทั้งหลาย สามารถเข้าไปเช็คราคาก่อนแข่งได้ที่ ทางเข้า sbobet มือ ถือ สะดวกรวดเร็ว ได้ทุกที่นอกจากนี้ ทางเข้า sbobet มือ ถือ ยังสามารถดูผลการแข่งพร้อมวางเดิมพันสด ได้ตลอดในช่วงเวลาการแข่ง ลิงก์ ทางเข้า sbobet มือ ถือ สมาชิกทุกท่านสามารถตรวจสอบได้ตลอด อัพเดตทุกๆ วัน สำหรับศึกแดงเดือดนั้น ก่อนแข่ง ลิเวอร์พูล ก็ถูกมองว่าเป็นต่อ ทีมเจ้าบ้านอยู่นิดๆ ต้องรอดูวันแข่งอีกทีว่าราคาจะไปในทิศทางไหน

เคียซ่า ปลื้มหลังเตรียมเปิดตัวเป็นนักเตะหงส์แดง พร้อมขอบคุณแฟนๆ ม้าลายที่คอยสนับสนุนเขามาโดยตลอด

 

ก่อนที่จะเดินทางมายังอังกฤษ ทางเฟเดริโก้ เคียซ่า (Federico Chiesa) ถูกนักข่าวที่แดนมักกะโรนี สอบถามถึงความรู้สึกของเขา ซึ่งทาง เคียซ่าก็ตอบว่า เขาขอบคุณแฟนๆ ยูเวนตุส (Juventus) มากๆ ที่คอยสนับสนุนเขามาตลอดช่วงเวลาที่เขาค้าแข้งอยู่ แต่ตอนนี้ถึงเวลาของ ลิเวอร์พูล (Liverpool) แล้ว เขามีความสุขมากๆ และอดใจรอที่จะได้ลงเล่นในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ไม่ไหวแล้ว ในตอนนี้ทาง เคียซ่า เดินทางมาถึงอังกฤษ เพื่อเตรียมตัวตรวจร่างกายกับ ลิเวอร์พูล (Liverpool) เรียบร้อยแล้ว ดีลนี้จบลงด้วยด้วย ค่าตัวในการย้ายทีม 10 ล้านปอนด์ แอดออน อีก 2.5 ล้านปอนด์ สัญญา น่าจะอยู่ที่ 4 ปี ตามรายงานข่าวจากหลายๆ แหล่งยืนยันออกมา และแม้ว่า ลิเวอร์พูล(Liverpool)  จะคว้าตัว เฟเดริโก้ เคียซ่า (Federico Chiesa) ได้แล้ว หลายๆ กูรู ก็ยังเชื่อว่า ทีมหงส์แดง จะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ก่อนตลาดนักเตะซัมเมอร์นี้จะปิดตัวลง คาดว่า ลิเวอร์พูล จะปิดดีลเพิ่มอย่างแน่นอน แฟนหงส์แดง รอติดตามกันได้เลย

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปรับขุมกำลังใหม่

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปรับขุมกำลังใหม่

ถือว่าเป็นข่าวดีมากทีเดียวสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับการเปลี่ยนแปลงขุมกำลังของทีม แต่ขุมกำลังคราวนี้ไม่ใช่เรื่องในสนาม แต่เป็นเรื่องการบริหารทีม ตอนแรกที่ทีมผูกอำนาจนอกสนามไว้ที่ เอ็ด หมด ซึ่งเอ็ดทำได้ดี แต่เรื่องเกี่ยวกับฟุตบอลยังไม่ใช่สิ่งที่เค้าเก่งเท่าไรนัก หลังจากยื้ออยู่นานตอนนี้ก็มีการแบ่งโครงสร้างกันใหม่พร้อมกับปรับขุมกำลังด้านบริหารทีมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

เอ็ด วู้ดเวิร์ด

คนแรกที่เราต้องพูดถึงก็คือ เอ็ด หรือ พี่เอ็ด ของเหล่าแฟนบอลที่คราวนี้แม้เจ้าตัวยังดำรงตำแหน่ง CEO บริหารทีมตำแหน่งสูงสุดเหมือนเดิม แต่ว่าเรื่องของฟุตบอล การซื้อขายนักเตะ เค้าจะลดบทบาทตรงนี้ลง ไปดูเรื่องการหาเงินเข้าคลังสโมสรและการบริหารค่าใช้จ่ายแทน ซึ่งน่าจะทำให้แมนยูได้พาร์ทเนอร์ดีๆอีกเพียบแน่นอน เพราะว่าเอ็ดไม่ต้องมาสนใจเรื่องที่เค้าไม่ค่อยถนัดเท่าไรแล้ว

จอห์น เมอร์เท่อห์

คนต่อไปนี้แหละสำคัญมาก นั่นก็คือ จอห์น เมอร์เท่อห์ เค้าเป็นคนที่ถูกแต่งตั้งในตำแหน่งผู้อำนวยการฟุตบอลคนแรกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตำแหน่งนี้ตอนแรกมีการเรียกร้องกันมานานมากแต่บอร์ดบริหารก็ยังไม่อนุมัตเสียที สุดท้ายก็ทนแรงต้านไม่ไหว ตั้งเค้าขึ้นมา คนนี้น่าสนใจอาจจะอยู่นอกสายตาของใครหลายคนแต่ว่าฝีมือถือว่าใช้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนานักเตะอย่าง หนูแม็ค, แรชฟอร์ด และ กรีนวู้ด ให้ขึ้นชุดใหญ่ได้ รวมถึงมีความสามารถในการซื้อขายนักเตะด้วย น่าจะทำให้การซื้อขายนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้าเป้ามากขึ้น

ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์

คนนี้บอกตามตรงว่าตำแหน่งผู้อำนวยการทางด้านเทคนิค ยังคงต้องดูต่อไป เพราะว่าเจ้าตัวก็เพิ่งเข้ามารับงานตรงนี้ ตอนแรกไปคุมทีมชุด u16 ของทีมก่อน จากนั้นก็ขยับขึ้นมาตรงนี้ เรื่องดีเอ็นเอความเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อันนี้ไม่เถียงเลยเต็มเปี่ยม ประสบการณ์การเล่นฟุตบอลทั้งโทรฟี่ และ จำนวนนัดในการลงสนามก็ไม่มีใครเถียงว่านี่คืออีกหนึ่งคนที่เป็นจิ๊กซอว์สำคัญ แต่ตำแหน่งผู้อำนวยการเทคนิค อาจจะต้องดูกันต่อไปว่า เจ้าตัวจะมีผลงานและผลักดันเรื่องอะไรต่อไป

3 เรื่องขอชม โซลชาร์ เกม UCL ล่าสุด

3 เรื่องขอชม โซลชาร์ เกม UCL ล่าสุด

ต้องบอกว่าเล่นได้ผิดหูผิดตามาก สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกมล่าสุดที่พวกเค้าสามารถเอาชนะทีมแกร่งประจำกลุ่มอย่าง ปารีส แซงเชคแมงต์ ไปได้ 2-1 เห็นสกอร์อาจจะทำเหมือนว่าชนะไปแบบเฉียดฉิว แต่ถ้าใครได้ดูเกมสดทั้งเกม ต้องบอกว่า แมนยู ชนะได้แบบต้องบอกว่าเล่นดีเลยทีเดียว เล่นดีแบบนี้ต้องขอชม โซลชาร์ ในฐานะกุนซือของทีมด้วยขอยกมา 3 เรื่อง

3-5-2 ปิดเกมรุกชะงัก

อย่างแรกเลย เชื่อว่าแฟนแมนยูเองก็คงคิดไม่ถึงเหมือนกันว่า โซลชาร์ จะมาติดตั้งฟอร์เมชั่นตัวนี้ในเกมนี้ ส่วนใหญ่โซลชาร์จะเลือกใช้ฟอร์มเมชั่น 4-3-2-1 เป็นหลัก หรือบางทีก็ 4-3-3 แต่ฟอร์เมชั่นตัวนี้ไม่ค่อยเห็นเท่าไร การเลือกมาใช้แบบนี้ทำให้ฝ่ายเจ้าบ้านอย่าง ปารีส เองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ฟอร์เมชั่นตัวนี้ทำให้เกมรุกที่ร้อนแรงของ ปารีส หยุดชะงักแบบเห็นผลเลย ดิมาเรีย เอ็มปัปเป้ เนย์มาร์ ทำอันตรายอะไรไม่ได้มากนัก

ตวนเซเบ้ การเสี่ยงที่คุ้มค่า

มองจากไลน์อัพเชื่อว่าหลายคนจากที่ง่วงนอน คงตื่นตาตั้งทีเดียว เพราะว่ารายชื่อแต่ละคนต้องบอกว่า ไม่น่าเชื่อเลย กลางที่ยัด เฟร็ด กับ แมคโท มาเป็นรับเต็มตัวก็ทำให้งง ส่ง เทลเลส นักเตะใหม่ มาเป็นทางปีกซ้าย ยังไม่หมด เซนเตอร์สามคนเป็น ลุค ชอว์, วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ และ ตวนเซเบ้ ใช่อ่านไม่ผิด ไม่มีการใช้ แมกไกรว์ในเกมนี้ แถมเอาตวนเซเบ้มาเล่นด้วย ถ้ายังอึ้งไม่พอ ตวนเซเบ้ ไม่ล่ก เล่นดี วิ่งขึ้นลงตามเกมตัวท็อปฝั่งเจ้าบ้านทันด้วยนะ

การเปลี่ยนตัวที่ได้ผล

อีกหนึ่งเครดิตที่ต้องยกให้กับโซลชาร์แบบเต็มๆก็คือ การแก้เกมของโซลชาร์ ที่จัดว่าเด็ดดวงจริง อย่างแรกการส่ง ป็อกบา ลงมาแทน เตลเลส ที่ทำหน้าที่ได้ดี แต่น่าจะเหนื่อย บวกกับรับมากไป พอ ป็อกบา ลงมา ทำให้เกมแดนกลาง ดูแน่นขึ้น มีการครองบอลเพื่อชะลอเกมแล้วหาจังหวะจ่ายสวยๆของป็อกบาตัดหลัง ทำให้ ปารีส ที่บุกเพลิน ไม่กล้าลอยขึ้นสูงกลัวโดนสวน แล้วก็เป็นแบบนั้นจริง ป็อกบา จ่ายยัดให้ แรชเฟิร์ด จากนั้นเค้าพลิกแล้วลากไปสองสามก้าว ยิงตูมเข้าไป ทำดีแบบนี้ก็ต้องชม

การบ้านของ ลิเวอร์พูล

การบ้านของ ลิเวอร์พูล

ถือว่าเป็นการจบซีซั่นแบบสะบักสะบอมที่สุดครั้งหนึ่งของแชมป์เก่าอย่างลิเวอร์พูลเลยทีเดียว แม้ว่าจะดูเหมือนประสบความสำเร็จ กับการจบอันดับที่สาม ไปเล่นฟุตบอลยุโรปได้ตามเป้าหมาย แถมทำได้ดีกว่าที่คิดอีกด้วย สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้เราต้องมองว่า ลิเวอร์พูล มีการบ้านเล่มใหญ่ ข้อยาก รออยู่เหมือนกัน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราไปตามดูการบ้านของลิเวอร์พูล

การฟื้นคืน สภาพ ฟานไดค์

การบ้านข้อแรก เรามองว่าการคืนสภาพ เวอร์กิล ฟานไดค์ ให้เร็วที่สุด น่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะการขาดหายของเค้าเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูล เป๋เกือบทั้งซีซั่นทีเดียว คำถามก็คือตอนนี้เจ้าตัวอยู่ในสภาพร่างกายอย่างไร พร้อมจะลงสนามได้หรือไม่ ไหนจะเรื่องความฟิต และ สนิมที่เกาะขาอยู่ได้สลัดออกไปหมดหรือยัง เรื่องเหล่านี้อาจจะไม่มีใครรู้นอกจากเจ้าตัวเอง หากลิเวอร์พูล ทำให้ ฟานไดค์ กลับมาเป็นคนเดิมได้เร็วเท่าไร ยิ่งดีกับทีมมากขึ้นเท่านั้น

คู่ขาของ ฟาน ไดค์

จากที่เห็นกันในซีซั่นที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า พอขาด ฟานไดค์ไป พวกเค้าแทบจะหาใครมาทดแทนไม่ได้เลย ไหนจะทำให้ทีมเสียสมดุลเกมรุก เกมรับไปอีก ดังนั้นการบ้านข้อต่อไปน่าจะเป็นการหาตัวแทน คู่หูของฟานไดค์ ที่ไว้ใจได้ และเล่นส่งเสริมกับฟานไดค์ได้ดีที่สุด ตรงนี้ลิเวอร์พูลมีการซื้อนักเตะคนใหม่เข้ามาแล้ว ก็ต้องดูว่า อิบราฮิม่า โคนาเต้ จะใช้คนที่ว่าหรือไม่

กองหน้าต้องมีเปลี่ยน

การเล่นของสามประสานในแดนหน้าอย่าง มาเน่ , ฟิร์มีโน่ และ ซาลาห์ ไม่มีใครเถียงเรื่องคุณภาพที่ทำได้ดีเสมอ แต่ก็ต้องยอมรับว่าซีซั่นที่ผ่านมา มีเพียง ซาลาห์ ที่คงมาตรฐานได้ ส่วนอีกสองคนตกลงไปพอสมควร ยังดีที่มี โชต้า เข้ามากดดันตำแหน่งและเพิ่มมิติในเกมรุกที่ต่างออกไปได้ คำถามก็คือ น่าจะถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงสามประสานแดนหน้าแล้วหรือไม่ หากไม่เปลี่ยน จะมีวิธีการเล่นอย่างไรให้ไม่เหมือนเดิม ไม่งั้นจะโดนดักทางได้อีก

วิเคราะห์แกเร็ธ เบล ควรไปไหนดีระหว่าง สเปอร์ส กับ แมนยู

วิเคราะห์แกเร็ธ เบล ควรไปไหนดีระหว่าง สเปอร์ส กับ แมนยู

เป็นอีกข่าวที่มาแรงมาจนทำให้บ่อนพนันเริ่มหวั่นถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ นั่นก็คือ การย้ายมาของ (อดีต) สุดยอดปีกอย่าง แกเร็ธ เบล ที่ตอนนี้เราแยกไม่ออกจริงๆว่าเค้าเป็นนักฟุตบอลหรือ นักกอล์ฟกันแน่ แต่ที่รู้แน่คือเค้าไม่เป็นที่ต้องการของ รีล มาดริด ที่ต้องการเคลียร์เค้าออกไปเพื่อจัดการเพดานค่าเหนื่อยนักเตะที่สูงเกินไป คำถามสำหรับสถานการณ์นี้ก็คือ เบล ควรไปไหนดีระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ สเปอร์ส ที่มีข่าวคั่วกันอยู่สองทีมเท่านั้น

กลับบ้านเก่าที่สเปอร์ส

ช้อยส์แรกที่เรามองว่าเป็นไปได้มากกว่าเป็นที่ สเปอร์ส อย่างแรกเลยหากจะเลือกกลับพรีเมียร์ลีค การได้กลับมาเล่นที่บ้านเก่าทีมเดิม (หากยังต้องการ) ตัวอยู่ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจและถูกต้องมาก อย่าลืมว่าการย้ายจากสเปอร์สไปรีล มาดริด แม้จะมีแฟนบอลก่นด่าบ้างที่ทิ้งทีมไป แต่เค้าก็ไปอย่างมีศักดิ์ศรีทำรายได้ให้กับสโมสรมากมาย เชื่อว่าแฟนบอลหลายคนก็คงจะไม่ซีเรียสอะไรหากเค้ากลับมาสวมใส่อีกครั้งหนึ่ง กับสองการกลับมาของเค้ามันเหมือนจะการันตีการลงสนามได้มากกว่าตำแหน่งนี้ ถ้าเบลมา ยังไงก็ได้ลง(แต่ต้องหลังจากปรับสภาพด้วย) น่าจะทำให้เจ้าตัวแฮปปี้มีโอกาสลงสนามตามใจต้องการ

เผชิญความท้าทายที่ แมนยู

อีกหนึ่งดีลที่เค้าว่าแรงเหมือนกันก็คือ แมนยู เพราะว่าตอนนี้ดูทางแมนยูจะไม่ได้มาเลยในตำแหน่งปีกขวาทั้งซานโช่ และ กรีลิช การได้เบลมาแทนที่ ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่เหลืออยู่ในตลาดตอนนี้ อย่าลืมว่านี่เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นแบบยืมตัวเท่านั้น หากเบลไปเค้าจะได้เจออะไรใหม่ ความท้าทาย เพื่อนร่วมทีม แท็คติคส์ ค่าการตลาดภาพลักษณ์ ค่าเหนื่อยฯลฯ ส่วนโอกาสลงตัวจริงอาจจะน้อยกว่าไปสเปอร์ส แต่การไปเล่นให้แมนยูมองว่ามีโอกาสซื้อขายมาขาด มากกว่าเล่นที่สเปอร์ส ก็ต้องดูว่าสุดท้าย โปรเบล จะเลือกสถานีลูกหนังป้ายหน้าอยู่ที่ไหนกันแน่